ฉะเชิงเทรา - ญาติหนุ่มวัย 19 ปี ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน ซึ่ง 2 ใน 4 คน ถูกพยานชี้ตัวเป็นตำรวจชุด ปส. สังกัด ภ.จว.ฉะเชิงเทรา อุ้มหายตัวไปนานกว่า 2 เดือน สิ้นหวังต่อทางตำรวจ สภ.เมืองแปดริ้ว หลังคดีไม่คืบหน้า เผยออกติดตามหาข่าวคราวบุตรชายมาโดยตลอด ล่าสุด เตรียมขอพิสูจน์ดีเอ็นเอเปรียบเทียบโครงกระดูกถูกไฟไหม้หญ้าลามโผล่ในพื้นที่ใกล้เคียง
วันนี้ (7 ก.พ.) นายเผชิญ ศรีคะโชติ อายุ 42 ปี ผู้เป็นบิดาของ นายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ อายุ 19 ปี ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน อุ้มตัวหายออกจากบ้านเลขที่ 77/7 ม.1 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทราไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.58 หรือกว่า 2 เดือน 3 วันที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากทางตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทราเลย จึงทำให้ตนเอง และญาติๆ ต่างพากันสิ้นหวังต่อการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กันหมดแล้ว
ขณะนี้จึงยังคงรอคอยความหวังจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้เคยเข้าไปยื่นเรื่องขอให้ทางส่วนกลางส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาทำคดีนี้เอง เพราะหากปล่อยให้ทางตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ทำคดีก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า และไม่มีความหวังอะไรต่อคดีนี้ เพราะเขาเป็นตำรวจในสังกัดเดียวกัน มีผู้บังคับบัญชาคนเดียวกัน
ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้น ก็ได้ออกไปติดตามหาบุตรชายมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีข่าวว่ามีการพบศพคนเสียชีวิตที่ใดก็จะเดินทางไปติดตามดูว่าจะใช่บุตรชายของตนหรือไม่ อีกทั้งก็ยังคงเดินทางไปขอความเป็นธรรมต่อทางหน่วยงานต่างๆ ที่พอจะเป็นความหวังที่เราจะได้รับความเป็นธรรมจากทางหน่วยงานราชการนั้นบ้าง จนทำให้ที่ผ่านมานั้นครอบครัวไม่เป็นอันทำงาน และจากเหตุที่เกิดขึ้นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อทางครอบครัวเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านจิตใจ และด้านรายได้ที่ต้องหดหายไป
เนื่องจากต้องหยุดงานไปเดินเรื่องติดตามคดี หรือดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการนัดหมายจากหน่วยงานที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตนเองก็ต้องหยุดการทำงานไปทั้งสิ้น และก็ไม่ได้ค่าจ้าง เพราะเราไม่ได้ทำงานให้แก่เขา และต้องขอหยุดงานบ่อยครั้ง
สำหรับการติดตามหาข่าวของบุตรชายนั้น ล่าสุด ที่มีข่าวว่ามีการพบศพโครงกระดูกของมนุษย์ถูกไฟไหม้หญ้าลามลุกไหม้พื้นที่จนมีโครงกระดูกโผล่ออกมาในท้องที่ สน.หนองจอก กทม. ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 20 กม.นั้น ตนก็ยังมีความหวังว่าจะได้พบศพของบุตรชายอีกครั้ง โดยได้เตรียมที่จะไปประสานกับทางพนักงานสอบสวน สภ.หนองจอก เพื่อที่จะไปขอตรวจสอบดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับโครงกระดูกที่พบว่าใช่ศพของบุตรชายหรือไม่ หากผลการตรวจพิสูจน์ว่าโครงกระดูกที่พบนั้นเป็นโครงกระดูกของเพศชาย
ด้าน นางมาลี ศรีคะโชติ อายุ 41 ปี มารดาของนายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจได้ตั้งข้อหาต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เข้ามาก่อเหตุทั้ง 4 คน แค่ข้อหาบุกรุก และกักขังหน่วงเหนี่ยวเท่านั้น เป็นข้อหาที่อ่อนเกินไป อย่างนี้ตำรวจอยากจะอุ้มเอาตัวใครไปก็ทำได้สบายต่อการตั้งข้อกล่าวหาได้แค่นี้ เพราะเดี๋ยวก็หลุดคดีออกมา เพราะเป็นคนของรัฐ และก็กลับมาทำเหมือนเดิมอีก ที่ผ่านมาตำรวจพื้นที่ไม่เคยเข้ามาช่วยเหลือ ไม่เคยเข้ามาเยียวยา หรือถามไถ่อะไรสักอย่างเลย
ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องเงียบกันไปถึงไหน ทางเราก็ได้แต่รอฟังความหวังกันอยู่ที่บ้าน เพราะเราไม่รู้กฎหมาย หากเรารู้กฎหมายก็จะไปเดินเรื่องให้ถึงที่สุดเองจึงต้องรอตำรวจ และไม่รู้ว่าจะมีความหวังเมื่อไหร่ พอได้ยินข่าวว่าพบศพที่ไหนจึงได้พยายามที่จะไปดูว่าใช่หรือไม่ใช่ ที่เคยให้คำตอบแก่เรามาว่าจะขอเวลา 7 วัน หรือจะเปลี่ยนเป็น 7 เดือน เพราะนี้เวลาก็ผ่านมากว่า 2 เดือน 3 วัน ก็ไม่เคยมีใครมาถามไถ่ หรือให้คำตอบอะไรได้เลย
ขณะนี้ก็ต้องรอความหวังต่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ที่อยากจะให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาทำใหม่ เพราะที่ผ่านมา ได้ขอให้ทางรองโฆษก สนง.ตำรวจ ว่า อยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำคดีเอง โดยไม่อยากให้ทาง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ทำคดีนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ก็จับตัวได้หมดแล้ว แต่เหตุใดจึงยังตามหาตัวเด็กไม่พบ ถ้ายังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาก็ยังพอเข้าใจได้ว่าไม่มีเบาะแส แต่นี่ได้ตัวผู้ต้องหามาแล้ว พยานก็ชี้ตัวยืนยันชัดเจนแล้ว ก็ยังไม่ได้อะไร แล้วยังมาบอกกับเราว่าไม่เข้าข้างกัน โดยผู้ต้องหาก็ได้ประกันตัวออกมากันหมดแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะมาอุ้มเรา หรือทำกับเราอีกเมื่อไร นางมาลี กล่าว