ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แจ้งความจับ “เสธ.กบ” นายทหารยศพันเอก ผู้บังคับการเหล่าทหารม้า ภาค 3 เพชรบูรณ์ ร่วมกับแฟนสาวตุ๋นจนเปื่อยหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อขายโทรศัพท์มือถือ จนผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ ตามฟอร์มช่วงแรกได้ปันผลกำไรแต่สุดท้ายเมื่อทวงเงินต้นคืนกลับบ่ายเบี่ยง สุดท้ายสูญเงินรวมกันเกือบ 100 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายสมคิด หอมเนตร สมาชิกเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ พร้อมผู้เสียหาย 4 คนและทนายได้ไปให้ปากคำต่อเจ้าพนักงานสอบสวน หลังจากที่ได้มีการแจ้งความเอาผิดแก๊งหลอกลวงให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจขายส่งโทรศัพท์มือถือ ประกอบด้วย พ.อ.ยงยุทธ์ เหล่าเขตร์การ ตำแหน่งผู้บังคับการเหล่าทหารม้า ภาค 3 จังหวัดเพชรบูรณ์ และ น.ส.น้ำฝน งดงาม และมีผู้ร่วมแก๊งอีกหลายคน
นายสมคิดกล่าวว่า ที่ต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือกรณีปัญหานี้เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก อย่างน้อยขณะนี้มีรายชื่อผู้ได้รับความเสียหายทั้งหมด 15 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 72.5 ล้านบาทเศษ และมีผู้เสียหายหลายคนถูกข่มขู่ทำให้เกิดความหวาดกลัว โดยทุกคนถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อขายส่งโทรศัพท์มือถือด้วยวิธีการเข้าไปตีสนิท ชวนทำบุญ มีนายทหารซึ่งมีตำแหน่งน่าเชื่อถือ มีร้านค้าที่ทำการ ชื่อร้านมังกรเทเลคอม ตั้งอยู่บริเวณถนนกังสดาล ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ้างว่ามีเงินตอบเป็นกำไรจากการค้าจ่ายคืนให้
นายสมคิดกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเอาผิดทางแพ่งต่อ น.ส.น้ำฝนไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 และต่อมาก็ได้มีการแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชนต่อ น.ส.น้ำฝน และ พ.อ.ยงยุทธ์ พร้อมพวกรวม 6 คน เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากทุกคนมีพฤติกรรมการหลอกลวงเชื่อมโยงกันหมด โดยเฉพาะ พ.อ.ยงยุทธ์ และ น.ส.น้ำฝน เป็นผู้รับโอนเงินเข้าออกบัญชี
นอกจากจะได้มีการแจ้งความเอาผิดแล้ว กลุ่มผู้เสียหายยังมีการร้องเรียนถึงต้นสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมสอบสวนแล้ว และในวันจันทร์ที่ 8 ก.พ.นี้ ผู้เสียหายทั้ง 4 คนได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชนต่อ น.ส.น้ำฝน, พ.อ.ยงยุทธ์ และพวกรวม 6 คน ด้วยตนเองอีกด้วย
น.ส.ศุภนุช ทะสา เจ้าของร้านเสื้อผ้าปอร์เช่ ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง ตั้งอยู่ใกล้สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น และเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า รู้จักกับ น.ส.น้ำฝนเพราะเข้ามาซื้อสินค้าและพยายามตีสนิทที่ร้านจนเกิดความคุ้นเคยและมักจะชักชวนไปทำบุญด้วย ต่อมาก็บอกว่าทำธุรกิจขายส่งโทรศัพท์มือถือ บอกว่ามีร้านอยู่ที่ถนนกังสดาล ข้าง มข.ชื่อร้านมังกรเทเลคอม
โดย น.ส.น้ำฝนเคยพาไปดูที่ร้านด้วย ต่อมาก็เริ่มชักชวนให้ร่วมทุน โดยอ้างว่าจะซื้อสินค้าโทรศัพท์ซัมซุง มาขายส่งให้กับลูกค้า เนื่องจากมีพี่ชายซึ่งเป็นคนจดทะเบียนห้างของร้านที่เคยทำงานบริษัทโทรศัพท์นี้มาก่อน รู้ช่องทางการค้าดี กิจการกำลังไปได้ดี จึงต้องการคนร่วมทุนเพราะต้องใช้เงินสดหมุนเวียนสั่งโทรศัพท์มาขายต่อ ผลตอบแทนกำไรดีมาก
น.ส.ศุภนุชเล่าต่อว่า ตอนที่ถูกชักชวนครั้งแรกๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ในช่วงนั้นก็ได้รู้จักกับ พ.อ.ยงยุทธ์ หรือเรียกกันว่าเสธ.กบ ที่ น.ส.น้ำฝนแนะนำว่าเป็นแฟน เมื่อเห็นว่าเป็นข้าราชการทหารเป็นคนน่าเชื่อถือจึงได้ร่วมลงทุนไปก้อนแรก 2 แสนบาท ในเดือนเมษายน 2557 และไม่ถึง 15 วันได้กำไรกลับคืนมา 10 เปอร์เซ็นต์ และหลังจากนั้นก็จะถูกชักชวนให้ลงทุนเพิ่มเป็นล็อต และมีเงินกำไรคืนมาให้เรื่อยๆ แต่ไม่เคยมีการคืนเงินต้น เพราะนางสาวน้ำฝนอ้างว่าเงินต้นจะใช้เป็นทุนหมุนไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งครั้งสุดท้ายช่วงเดือนกันยายน 2558 ได้จ่ายเป็นเช็คกว่า 3 ล้านบาท ทำให้ยอดเงินลงทุนสะสมรวมกันแล้วกว่า 28 ล้านบาท จึงได้จะขอถอนทุนเพราะจำนวนมากแล้ว เงินกำไรที่ได้คืนก็ไม่พอกับค่าจ่ายดอกเบี้ย เพราะส่วนใหญ่เงินที่นำมาร่วมลงทุนก็เป็นเงินที่ตนกู้มา
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนัดคืนเงินทุน น.ส.น้ำฝนได้หลบหน้า ติดต่อไม่ได้ แต่วันที่ 20 ก.ย. 58 พ.อ.ยงยุทธ์ได้มานั่งหัวโต๊ะพูดคุยเจรจากับผู้ร่วมทุนทั้งหมด แต่ก็สุดท้ายก็ไม่มีการคืนเงินทุน จนกระทั่งเชื่อว่าทั้งหมดหลอกลวง ทำให้พากันมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยตอนแรกเอาผิดทางแพ่ง น.ส.น้ำฝนเท่านั้น แต่ต่อมาได้แจ้งความเพิ่มเติมเพราะมีหลายคนร่วมขบวนการ โดยเฉพาะเสธ.กบ ที่มีส่วนในการเป็นผู้ใช้บัญชีโอนเงินที่แจ้งว่าเป็นกำไรเข้าบัญชีให้แก่ผู้เสียหาย ที่สำคัญมีผู้เสียหายหลายคนจึงแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ด้าน น.ส.อัญชลี ฤาชา เจ้าของร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งในเขตเทศบาล อีกหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตัดสินใจร่วมลงทุนด้วยเพราะถูกชักชวนจาก น.ส.น้ำฝน แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเคยถูกหลอกลวงลักษณะนี้มาก่อน แต่เพราะเห็นว่า น.ส.ศุภนุช เป็นเพื่อนกันมาหลายปี และเพื่อนอีกคนหนึ่งก็ได้ลงทุนไปก่อนและได้ผลกำไรกลับมาจริงๆ ที่สำคัญเห็นว่ามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ตำแหน่งสูงน่าเชื่อร่วมทำธุรกิจอยู่ด้วย จึงตัดสินใจลงทุน โดยทยอยลงทุนเป็นล็อตรวมแล้วร่วม 7 แสนบาท
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดต่างบอกว่าตอนแรกที่ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนก็พยายามค้นหาข้อมูลส่วนตัวของ น.ส.น้ำฝนและพบข้อมูลในเฟซบุ๊กมีชื่อร้านมังกรเทเลคอมจริง และมีการโพสต์ข้อความแสดงถึงสถานะเป็นแฟนและมีการโพสต์ภาพพรีเวดดิ้งกับเสธ.กบ มีภาพเรือนหอ บ้าน คอนโดมิเนียม รีสอร์ต ร้านค้า รถยนต์ยี่ห้อหรูมากกว่า 11 คัน ทองและเครื่องเพชรอีกจำนวนมากมูลค่าหลายสิบล้านบาท ข้อมูลและภาพที่เห็นในเฟซบุ๊กดังกล่าวทำให้มีความมั่นใจน่าร่วมลงทุนจึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย