บุรีรัมย์ - ผู้ใหญ่พร้อมชาวบ้าน ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ บุกทวงถาม ธ.ก.ส.และร้องอำเภอ หลังอดีตผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมให้สมุดบัญชีไปเบิกเงินกองกลางหมู่บ้านร่วม 4 แสน ที่ชาวบ้านมีมติเห็นชอบจะนำไปก่อสร้างโบสถ์ และศาลาวัดหลังใหม่ อำเภอเรียก 2 ฝ่ายเจรจาเกิดโต้เถียงดุเดือดบนที่ว่าการอำเภอหวิดบานปลาย
วันนี้ (29 ม.ค.) นายพินิจ กองพิลา ผู้ใหญ่บ้านบ้านดงเย็น พร้อมตัวแทนชาวบ้านบ้านดงเย็น ม.4 ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันเดินทางเข้าไปทวงถามเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบ้านด่าน กรณีที่ไม่สามารถเบิกถอนเงินกองกลางของหมู่บ้านที่ได้มาจากการจัดกิจกรรมทอดกฐิน และผ้าป่า แล้วนำมาฝากไว้กับ ธ.ก.ส. รวมเป็นยอดเงินสะสมทั้งสิ้นกว่า 398,000 บาทได้
ทั้งที่คณะกรรมการ 3 ใน 4 คน พร้อมที่จะเซ็นเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าวตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เพื่อนำไปจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างโบสถ์ และศาลาการเปรียญวัดกลางบ้านดงเย็นหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ตามมติที่ประชุมประชาคม และความเห็นชอบของชาวบ้านส่วนใหญ่เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนร่วมของหมู่บ้าน
แต่ นายบุญสม ประนามะเส อดีตผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คน ที่มีชื่อในการเบิกถอนเงินและเป็นผู้ถือสมุดบัญชีดังกล่าวกลับไม่ยอมให้สมุดบัญชีแก่คณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อใช้ในการเบิกถอนเงิน ทั้งอ้างว่า จะเก็บเงินดังกล่าวไว้บูรณะซ่อมแซมศาลาการเปรียญหลังเดิมไม่ก่อสร้างใหม่ตามมติที่ประชุมของชาวบ้าน
ขณะที่ นางชาญชัย ทองเอี่ยม ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขาบ้านด่าน ได้ออกมาชี้แจงต่อชาวบ้านว่า ตามระเบียบของทาง ธ.ก.ส.ผู้ที่จะเบิกถอนเงินจะต้องมีสมุดบัญชีสำหรับการเบิกถอนเหมือนกันธนาคารอื่นทั่วไป แต่คณะกรรมการฯ ไม่มีสมุดบัญชีมา จึงไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ จึงได้แนะนำให้ชาวบ้านไปยื่นเรื่องร้องต่อทางอำเภอ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา และหากคณะกรรมการฯ ได้สมุดบัญชีเงินฝากมาแล้วให้คณะกรรมการ 3 ใน 4 มาเซ็นเบิกได้ตามปกติ
จากนั้นผู้ใหญ่บ้าน พร้อมตัวแทนชาวบ้านจึงได้พากันเดินทางไปร้องเรียนที่ที่ว่าการอำเภอบ้านด่าน ซึ่ง นายสมชาย คอประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบ้านด่าน ได้มอบหมายปลัดอาวุโส มารับเรื่องร้องแทน ซึ่งทางอำเภอได้เรียกนายบุญถม อดีตผู้ใหญ่คู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยด้วย แต่เบื้องต้น นายบุญถม กลับยืนยันจะไม่ยอมให้สมุดบัญชีไปเบิกเงิน สร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้านจนเกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดบนที่ว่าการอำเภอหวิดรุนแรงบานปลาย
กระทั่งล่าสุด หลังทางอำเภอได้ทำการเจรจาไกล่เกลี่ย พร้อมชี้แจงให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าใจถึงประโยชน์ส่วนร่วมที่จะเกิดแก่หมู่บ้าน ชุมชน นายบุญถม อดีตผู้ใหญ่จึงรับปากว่าจะยอมให้สมุดบัญชีไปเบิกเงิน แต่ขอมีส่วนร่วม และรับรู้ในการเบิกจ่ายเงิน รวมถึงการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างโบสถ์ และศาลาการเปรียญทุกขั้นตอน
ชาวบ้านที่มาร้องเรียนจึงพอใจ และยอมสลายตัวเดินทางกลับในเวลาต่อมา แต่หากนายบุญสม ไม่ยอมให้สมุดบัญชีไปเบิกจ่ายเงินตามที่รับปากชาวบ้านก็จะเข้าแจ้งความ และร้องเรียนจังหวัดต่อไป