กำแพงเพชร - หนุ่มมหาสารคามหอบสินสอดทองหมั้น ตั้งขบวนขันหมากแบบย้อนยุค แต่งหนุ่มเมืองกล้วยไข่ชื่นมื่น ท่ามกลางแขกเหรื่อเพื่อนฝูงทั้งไทย-เทศร่วมงานคับคั่ง
วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 13-15 ถนนกะโลทัย ต.ในเมือง อ.เมืองกำแพงเพชร เป็นไปอย่างครึกครื้น โดยมีการจัดซุ้มประตูดอกไม้ และทางเดินจากหน้าบ้านอย่างสวยงาม พร้อมตั้งภาพคู่แต่งงานซึ่งเป็นชายทั้งคู่ไว้ที่หน้าซุ้มด้วยเพื่อบ่งบอกว่าที่บ้านหลังนี้กำลังมีงานมงคลสมรส
ซึ่งผู้ที่เข้าสู่ประตูวิวาห์ครั้งนี้คือ นายณัฐภูมินทร์ (แจ่ม) นิลสุข อายุ 35 ปี ฝ่ายเจ้าสาว ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังกล่าว และฝ่ายเจ้าบ่าวคือ นายอลงกรณ์ (หนุ่ม) อามาตย์พล อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซอยนครสวรรค์ 20 ถนนนครสวรรค์ ต.ตลาด อ.เมืองมหาสารคาม
พิธีแต่งงานชายกับชายคู่นี้เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า มีการทำพิธีสงฆ์ตักบาตรทำบุญตามประเพณีไทย จากนั้นก็มีพิธีไหว้ครู ถวายเครื่องบวงสรวงบูชาครูอาจารย์ ช่วงบ่ายก็เข้าสู่พิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ โดยมีเพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองแต่งกายชุดย้อนยุคมาช่วยกันตั้งขบวนแห่ขันหมาก นอกจากนี้ เพื่อนของเจ้าบ่าวที่อยู่ต่างประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี ก็บินมาเพื่องานแต่งนี้โดยเฉพาะ
โดยมีการตั้งขบวนแห่ขันหมากตามประเพณีไทยเต็มรูป ตั้งแต่เจดีย์โบราณวัดกะโลทัย ก่อนเคลื่อนขบวนพาเจ้าบ่าว พร้อมสินสอดสร้อยคอทองคำ 2 บาท เงิน 2 แสนบาท แหวนเพชร 2 วง 1 กะรัต มุ่งหน้าเข้าสู่บ้านเจ้าสาว ด้วยเกือบ 1 ชั่วโมงเต็มๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
และก่อนเข้าบ้านเจ้าสาวก็มีการล้างเท้าเจ้าบ่าวนายอลงกรณ์ (หนุ่ม) อามาตย์พล แล้ว จากนั้นเจ้าบ่าวยังต้องผ่านด่านอีกนับสิบที่มีทั้งสายเข็มขัด สร้อยคอทองคำ กั้นประตู เพื่อเรียกซองเบิกทาง จนไปถึงห้องของเจ้าสาวนายณัฐภูมินทร์ (แจ่ม) นิลสุข เข้าสู่พิธีสวมแหวนหมั้น และบายศรีสู่ขวัญ หลั่งน้ำประสาทพร ท่ามกลางความยินดีของแขกที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
สำหรับความรักของทั้งสองจนนำมาสู่การแต่งงานระหว่างชายกับชายในวันนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน โดยนายณัฐภูมินทร์ (แจ่ม) นิลสุข บังเอิญได้ยินเสียงเพื่อนคุยโทรศัพท์กับนายอลงกรณ์ (หนุ่ม) อามาตย์พล จึงขอคุยด้วย จากนั้นได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์กันนาน 1 ปี ก่อนจะมาพบกันที่งานบวชของเพื่อนที่บ้านหนองเอื้อม อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร แล้วจึงคบหากันเรื่อยมา ซึ่งระยะที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาไม่เข้าใจกันต่างแยกกันอยู่ถึง 3 ครั้ง แต่ทุกครั้งก็กลับมาคืนดีกันได้
ฝ่ายเจ้าบ่าวเปิดเผยว่า ฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนดีน่าประทับใจที่ไม่เคยตำหนิ เป็นคนซื่อตรง และให้อภัยตนทุกครั้งที่มีปัญหาไม่เข้าใจกัน ส่วนฝ่ายเจ้าสาวรู้สึกเขินอายไม่ค่อยพูดจาปล่อยให้เจ้าบ่าวพูดฝ่ายเดียว แต่ก็บอกว่าชอบคนอีสานซึ่งเจ้าบ่าวนั้นเป็นคนอีสาน และการวางแผนชีวิตต่อไปในอนาคตนั้นต่างจะช่วยกันประกอบอาชีพ จัดดอกไม้บายศรีที่เป็นงานถนัดของทั้งสอง และต่างก็ชอบศรัทธาในเทพเจ้าประทับทรง ตามตำหนักเทพเจ้าต่างๆ เพราะถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
