ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่วางมาตรการเข้มเตรียมพร้อมป้องแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ตั้งรางวัล 1 แสนบาทให้อำเภอที่สามารถจุดความร้อน (Hotspot) ลงได้เกิน 50% จากปีที่ผ่านมา พร้อมสั่งการ นอภ.ลงพื้นที่ทุกหมู่บ้านขึ้นทะเบียนรายชื่อคนเข้าป่าล่าสัตว์และเก็บของป่า รวมทั้งมีที่ทำกินในเขตป่า เน้นย้ำชี้แจงทำความเข้าใจขอความร่วมมืองดเผาป่าอย่างเด็ดขาดช่วง 15 ก.พ.-15 เม.ย. 59 หากพบฝ่าฝืนลงโทษเด็ดขาด ขณะเดียวกันบูรณาการทุกภาคส่วนจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจทุกอำเภอปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง วางกรอบดับไฟป่าให้ได้ภายใน 30 นาทีหลังรับแจ้งเหตุ
นายประจวบ กันธิยะ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอควันไฟป่าและมลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ในปีนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตั้งรางวัลให้กับอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอยู่ทั้งหมด 25 อำเภอ ที่สามารถลดจำนวนจุดความร้อนที่เกิดจากการเผา หรือฮอตสปอต (Hotspot) ลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาได้มากกว่า 50% อำเภอละ 100,000 บาท
นอกจากนี้ อำเภอที่สามารถลดจำนวนจุดความร้อนลงได้มากที่สุด 3 อันดับแรก ยังจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท, 70,000 บาท และ 50,000 บาท ตามลำดับด้วย การตั้งรางวัลดังกล่าวนี้เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการในการป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเข้มงวดจริงจังมากยิ่งขึ้น
ปลัดจังหวัดเชียงใหม่บอกด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. - 15 เม.ย. 59 ทางจังหวัดเชียงใหม่จะประกาศให้เป็นช่วงหยุดการเผาอย่างเด็ดขาด หากพบว่าพื้นที่ใดมีการฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงดังกล่าวในแต่ละพื้นที่จะทำการกำจัดเชื้อเพลิงสะสมด้วยการชิงเผาซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ชิงเผารวมทั้งสิ้น 91,975 ไร่
ขณะเดียวกัน แต่ละอำเภอจะมีการลงพื้นที่ทุกหมู่บ้านเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจขอความร่วมมือจากราษฎรในพื้นที่ให้งดการเผาป่าอย่างเด็ดขาดในช่วงงดเผา เพราะต่างเป็นที่ทราบกันดีกว่าสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่ามาจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น ทั้งนี้จะมีการจัดทำทะเบียนรายชื่อราษฎรที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเข้าป่าล่าสัตว์และเก็บของป่า รวมทั้งจัดทำทะเบียนรายชื่อราษฎรที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ป่า แล้วทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่ทำการเผาในพื้นที่ป่า หากพบว่าพื้นที่ใดมีการเผาก็จะทำให้สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ นายประจวบกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 59 เป็นต้นไป แต่ละอำเภอจะมีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า ที่เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของฝ่ายปกครองและป่าไม้ รวมทั้งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง รับแจ้งเหตุ และเข้าทำการดับไฟป่าตลอด 24 ชั่วโมง
โดยที่แต่ละอำเภอจะมีจำนวนศูนย์มากน้อยแตกต่างกันไปตามพื้นที่ป่าที่ต้องรับผิดชอบดูแล ซึ่งเบื้องต้นกำหนดกรอบการทำงานว่าหากได้รับแจ้งเหตุเกิดไฟไหม้ป่าจะต้องทำการดับไฟให้ได้ภายใน 30 นาที หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ด้วยมาตรการต่างๆ ที่เตรียมไว้คาดหวังว่าสถานการณ์ปัญหาหมอควันไฟป่าและมลพิษอากาศในปีนี้ของจังหวัดเชียงใหม่จะเบาบางลงจากปีที่ผ่านมา