เชียงใหม่ - พฤติกรรมทัวริสต์จีนยังคงสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเชียงใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดห้องอาหารบุฟเฟต์เปิดใหม่ในโรงแรมกลางเมืองเจอกรุ๊ปทัวร์จีน “กินไม่พอพกห่อกลับ” ห้ามแล้วไม่ฟัง จนต้องติดป้ายประกาศปรับเงินแทน ขณะที่ห้องน้ำในแหล่งชอปปิ้งดังยังต้องติดตั้งเครื่องกั้นหยอดเหรียญ แก้ปัญหาคนตีมึนเฮโลเข้าใช้บริการแล้วไม่จ่ายเงิน
วันนี้ (12 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าทั่วทั้งโลกอยู่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” จะเป็นเครื่องยนต์หลักที่คอยผลักดันไม่ให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำมาก และปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า การท่องเที่ยวไทยขณะนี้มี “ทัวริสต์จีน” เป็นตลาดใหญ่ที่เติบโตมากขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวของภาคเหนือทุกวันนี้ “ทัวร์จีน” ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทั้งวัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติต่างๆ ทั่วทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ปาย แม่ฮ่องสอน ฯลฯ ล้วนเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลมาเที่ยว
ขณะที่พฤติกรรมของทัวริสต์จีนก็ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนทั่วไปต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งเรื่องการส่งเสียงพูดคุยเสียงดัง การไม่รักษากฎระเบียบในการต่อคิวแย่งกันเบียดคิวของนักท่องเที่ยวชาติอื่น หรือนักท่องเที่ยวชาวไทย การไม่รักษาความสะอาดทั้งในเรื่องการใช้บริการสุขาฟรีตามปั๊มน้ำมันต่างๆ และอีกหลายเรื่อง เหล่านี้สร้างปัญหาถกเถียงกันไปเป็นบริเวณกว้าง แม้รัฐบาลจีนจะประชาสัมพันธ์ให้คนจีนรักษาระเบียบวินัยในการท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ด้วย แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนก็ยังคงมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ออกมาให้เห็นเป็นระยะ
ล่าสุดผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวหลายแห่งถึงกับต้องทำป้ายประกาศต่างๆ ออกมา เพื่อบังคับใช้กับทัวริสต์ที่มาใช้บริการ แน่นอนเป้าหมายคือ การบังคับใช้กับทัวริสต์จีนเป็นหลัก
โดยที่ห้องอาหารชั้น 7 โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ ก็เป็นอีกแห่งที่ประสบปัญหาพฤติกรรมทัวริสต์ชาวจีน ที่มีกรุ๊ปทัวร์จีนมาพัก และรับประทานอาหารบุฟเฟต์ในตอนเช้า แต่พบว่านักท่องเที่ยวจีนหลังจากรับประทานอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้วกลับพกของกินออกไปรับประทานนอกห้องอาหาร ทั้งใช้ขวดตวงน้ำส้ม น้ำผลไม้ ขนขนมปัง อาหารใส่ถุงใส่ห่อพกไปด้วย เรียกว่า “กินทีพกไปกินให้ได้ทั้งวันจนคุ้มค่า”
เมื่อพนักงานมาแจ้งเตือนก็ตีมึนว่า “ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง” แม้ทางห้องอาหารต้องมาติดป้ายห้ามเอาอาหาร-ของกินออกนอกห้อง แต่ก็ยังคงปรากฏมีทัวริสต์จีนแอบพกอาหารออกจากห้องอาหารหลังรับประทานอิ่มแล้วเหมือนเดิม จนต้องเขียนป้ายประกาศ “พกออกพบปรับ 500 บาทไทย” ติดหราหน้าห้องแทน
นางสาวเมธินี โล่ห์เพชร ผู้จัดการห้องอาหาร เผยว่า โรงแรมเป็นโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ เริ่มให้บริการห้องอาหารตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 เป็นต้นมา ลูกค้าโรงแรมเรากว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวจีน
แต่ปัญหาที่เจอมาตลอดตั้งแต่เปิดคือ คนจีนที่มารับประทานอาหารนอกจากจะมีความวุ่นวายต่างๆ นานาแล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์มากกว่านั้น เมื่อทุกคนที่มารับประทานบุฟเฟต์อาหารเช้าจะเข้าใจว่ารับประทานเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น คนจีนกลับกินไม่พอห่อกลับด้วย คือเอาถุงมาห่อทั้งขนมปัง มาม่าผัด กระบอกน้ำดื่มก็เอามาใส่น้ำส้ม ใส่กาแฟ ฯลฯ
ทางห้องอาหารให้พนักงานไปห้ามแล้วไม่ได้ผล จึงขึ้นป้ายเตือนว่า “ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่มออกห้องอาหาร ปรับ 500 บาท” ซึ่งตอนนี้หลังจากใช้มาตรการดังกล่าวได้ผล ไม่มีใครนำออกห้องอาหารอีกเลย แต่ตอนแรกก็ทำแบบเตือนโดยที่ไม่ปรับ ก็ไม่มีคนสนใจยังคงตีมึนนำออกกันอยู่จึงต้องใช้การปรับเงินขึ้นมาจริงๆ จึงช่วยได้
ขณะที่ห้องสุขาบริการในตลาดอนุสาร ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ ก็ประสบปัญหานักท่องเที่ยวชาวจีนเช่นกัน โดยที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมานั่งรับประทานอาหารที่ตลาดอนุสาร ที่มีร้านอาหารทั้งคาว หวาน ซีฟูด ซึ่งชาวจีนชื่นชอบมาก รวมทั้งภายในตลาดก็มีบริการห้องน้ำสุขา โดยผู้ให้บริการคิดค่าบริการคนละ 3 บาท
แต่หลังจากที่ตั้งกล่องคิดเงินกลับพบว่าคนจีนแย่งกันเข้าตีมึนไม่จ่ายเงินบ้าง จ่ายรายเดียวเข้าทีเป็นหมู่คณะบ้าง สร้างความลำบากใจแก่ผู้ดูแลความะสะอาดห้องน้ำเป็นอย่างมาก จนต้องนำประตูหมุนเหล็กแบบหยอดเหรียญมาติดตั้ง แบบเดียวกับประตูทางเข้าทางรถไฟใต้ดินหรือสนามบินหลายแห่งที่ต้องหยอดเหรียญก่อนเข้าใช้บริการ โดยกำหนดให้หยอดเหรียญครั้งหนึ่ง 3 บาทหมุนเข้าได้ 1 ท่านเท่านั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการตีมึนเข้าห้องน้ำฟรีของทัวริสต์จีนโดยเฉพาะ
