ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของผู้ประกอบการเจ็ตสกีเมืองพัทยา ตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา ถือว่ารุนแรงมากยิ่งขึ้น จนยกระดับกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ และปัญหาระดับนานาชาติ เนื่องจากมีการร้องเรียนผ่านรัฐบาลจากสถานทูตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
จากกรณีนี้หากมีการปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีเข้าไปแก้ไขอย่างจริงจัง ในอนาคตก็อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง ซึ่งถือว่าขัดต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวของภาครัฐ ที่หวังจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558
ที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องนี้มีการหยิบยกมาพูดคุยกันแล้วครั้งหนึ่ง ในการประชุม ครม.สัญจร ที่เมืองพัทยา พร้อมมีการประชุมร่วมกับจังหวัดชลบุรี เพื่อกำหนดมาตรการไปบ้างแล้วถึง 2 ครั้ง 2 คราแต่ก็พบว่าปัญหายังไม่ยุติ
สำหรับปัญหาผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีพัทยานั้นถือเป็นปัญหาที่สะสมมานาน 5-6 ปีแล้ว โดยปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณชายหาดเป็นหลัก ได้แก่ หาดพัทยา เกาะล้าน จอมเทียน วงศ์อมาตย์ และพระตำหนัก จนกระทั่งมีการร้องเรียนผ่านสถานทูตของประเทศต่างๆ มายังเมืองพัทยา เพื่อให้แก้ไขเร่งด่วนในหลายประเทศ ได้แก่ จีน รีสเซีย และอินเดีย
ทั้งนี้ เนื่องจากพบว่ามีผู้ประกอบการทำการขูดรีด และเรียกเก็บเงินค่าซ่อมบำรุงเรือต่อนักท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นธรรมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การจงใจให้เรือเกิดปัญหา และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งแม้เมืองพัทยาจะเคยมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดระเบียบผู้ประกอบการทางน้ำขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ เพื่อทำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การเจรจา การประเมินค่าเสียหายที่เกิดขึ้น และการควบคุมการลงทะเบียนเรือเจ็ตสกีให้อยู่ในระบบ แต่ก็ยังถือว่าการแก้ไขยังไม่บรรลุเป้าหมายมากนัก เพราะยังคงมีผู้ฝ่าฝืน และดำเนินการที่ผิดต่อกฎหมาย และศีลธรรมอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการแก้ไขนั้นเบื้องต้นมีข้อสรุปเกี่ยวกับวิธีการทางกฎหมายที่จะนำมาบังคับใช้ เนื่องจากเรือเจ็ตสกีนั้นตามกฎหมายเป็นเรือสำราญที่จะมาเปิดบริการให้เช่าบริการไม่ได้ และแม้จะมีการเสนอให้มีการออกข้อบัญญัติ หรือแก้กฎหมายใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้มีการประกอบการได้จากสำนักงานเจ้าท่า แต่เสียงส่วนใหญ่ก็มีมติคัดค้าน และไม่เห็นชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และกำกับดูแลยาก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการออกกฎหมาย หรือข้อบังคับก็แก้ไขปัญหาได้ยากอยู่แล้ว และหากมีการให้ถูกต้องตามกระบวนการ ก็จะยิ่งทำให้เกิดความยากลำบากขึ้นไปอีก
ดังนั้น จึงจะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องของการกำหนดกรอบการปฏิบัติ โดยจะทำการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งรวมเอาหน่วยงานต่างๆ เพื่อมาร่วมระดมความคิดในการกำหนดกรอบกติกาที่ชัดเจน ตั้งแต่การจดทะเบียนเรือ การควบคุมปริมาณเรือให้พอเหมาะต่อพื้นที่ การประเมินราคาค่าเสียหาย รวมถึงการกำหนดโทษในส่วนของผู้ประกอบการที่ละเมิดและฝ่าฝืน แต่สุดท้ายแนวทางการปฏิบัติก็ไม่สัมฤทธิผลด้วยยังคงมีปัญหาเกิดขึ้น
กระทั่งได้มีการกำหนดแผนให้ทางสำนักงานเจ้าท่า ทำการร่างประกาศข้อบังคับก่อนเสนอตรงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ลงนามเพื่อประกาศใช้อย่างเร่งด่วน โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีทุกลำจัดทำประกันภัยเรือโดยภาคสมัครใจ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับในการบังคับให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีการขยายระยะเวลาไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน
โดยให้นำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อสำนักงานเจ้าท่า เพื่อขอเปลี่ยนประเภทการใช้เรือจากเรือสำราญกีฬา มาเป็นประเภทเช่าเพื่อนำมาประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ภาครัฐกำหนด แต่หากไม่ดำเนินการจัดทำประกันภัยตามที่ระบุก็จะไม่อนุญาตให้นำเรือมาให้บริการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลพัทยาได้ต่อไป พร้อมจัดตั้งชุดไกล่เกลี่ยประจำพื้นที่ชายหาดพัทยา เพื่อเฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยหากปล่อยปละละเลย หรือเกี่ยวข้องต่อการกระทำที่สร้างความเสียหายเหล่านี้ก็จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้ามาจัดการอย่างเฉียบขาด
ความคืบหน้าล่าสุดในการแก้ไขปัญหาการจัดระเบียบผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีในพื้นที่เมืองพัทยา หลังมีคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังนั้นพบว่า สำหรับเรือเจ็ตสกีที่ใช้ในประเภทสำราญกีฬาเขตพื้นที่เมืองพัทยามีทั้งสิ้น 511 ลำ แบ่งเป็นประเภทการใช้ส่วนตัว 60 ลำ และใช้เพื่อให้เช่า 451 ลำ ซึ่ง 451 ลำนั้นมีผู้ประกอบการมายื่นเต็มจำนวนที่กำหนด
จากนี้สำหรับเรือเจ็ตสกีที่จะเปลี่ยนแปลงประเภทเพื่อเช่านั้นจะไม่มีการอนุญาตให้มีจำนวนผู้ประกอบที่เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยกรมเจ้าท่าจะทำการควบคุมจำนวนเรือเจ็ตสกี และให้คงจำนวนที่ได้มีการขึ้นทะเบียนต่อกรมเจ้าท่าเดิมเท่านั้น
ส่วนการบังคับใช้กฏหมายสำหรับการเปลี่ยนแปลงประเภทเรือเจ็ตสกีนั้น เจ้าท่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลากหลายภาคส่วนจะร่วมตรึงกำลังในการควบคุมเรือเจ็ตสกี ในการเปลี่ยนแปลงประเภทในพื้นที่ที่มีการเล่นเจ็ตสกีทั้ง 3 หาด ประกอบด้วย หาดพัทยา หาดจอมเทียน และเกาะล้าน ซึ่งหากพบผู้ประกอบการยังไม่ดำเนินตามที่กำหนด ผู้ประกอบการต้องงดใช้เรือเจ็ตสกีในการให้บริการเพื่อเช่า ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนทางเจ้าหน้าที่จะมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัดต่อไป