เชียงใหม่/ลำพูน - นายอำเภอดอยสะเก็ดสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว หลังผู้ใหญ่บ้านฉาว โดนตำรวจลำพูน-ทหารจับพร้อมกับเพื่อนร่วมแก๊งฐานกรรโชกทรัพย์ พกปืน-วิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (5 ม.ค.) นายวิจิตร รังสรรค์ นายอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีนายเกษม คำยอด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด อดีตเป็นดีเจ-เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน และเป็นเจ้าของสวนอาหารที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าซาง และเจ้าหน้าที่ทหารจาก กกล.รส.พล.ร.7 จ.ลำพูน ซ้อนแผนจับกุมดำเนินคดีฐานกรรโชกทรัพย์ พกอาวุธปืน และวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกับนายสุขเกษม งามเจริญรุ่งเรือง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 259 หมู่ที่ 3 ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน กรรโชกทรัพย์ พกอาวุธ
นายวิจิตรระบุว่า หลังทราบเรื่อง ตนได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทราบแล้ว และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมหากผลการสอบสวนออกมาไม่มีความผิดก็จะคืนตำแหน่งให้ แต่หากผิดจริงก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นายเกษม คำยอด ถูก พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ ผกก.สภ.ป่าซาง, พ.ต.ท.พิสันต์ ชัยสุริยะ รอง ผกก.สส. และชุดสายสืบ สภ.ป่าซาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจาก กกล.รส.พล.ร.7 จ.ลำพูน โดยการนำของ พ.อ.นพดล คามเกตุ รองเสธ.กกล.รส.พล.ร.7 จ.ลำพูน ซ้อนแผนจับกุมได้เมื่อเย็นวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับนายสุขเกษม งามเจริญรุ่งเรือง และของกลางทั้งอาวุธปืน ลูกกระสุนปืน เสื้อเกราะกันกระสุน วิทยุสื่อสาร พร้อมกับเงินจำนวน 2 หมื่นบาท รถยนต์กระบะ 1 คัน
ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่เป็นวัยรุ่นใน ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ว่า ถูกกลุ่มผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นตำรวจจับกุม พร้อมข่มขู่เอาเงิน 1 แสนบาทเพื่อแลกกับอิสรภาพ
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การภาคเสธ แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าแก๊งดังกล่าวมีอดีตตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่เชียงใหม่ที่โดนไล่ออกจากราชการร่วมอยู่ด้วย พร้อมกับตัวนายเกษม และเพื่อนๆ อีกประมาณ 5-7 คน พากันเดินสายไปตามบ้านเจ้ามือหวยใต้ดิน บ่อนการพนัน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
โดยอ้างตัวว่าเป็นนายตำรวจชื่อ “หมวดมังกร” บ้าง เป็นตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษบ้าง บุกเข้าจับกุมแล้วทำการรีดทรัพย์โดยเรียกเงินสดครั้งละ 5,000-100,000 บาท ก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้รับการร้องเรียนมาตลอด แต่ไม่สามารถติดตามตัวได้ทัน