เชียงใหม่ - ตำรวจรู้ที่มาของโคมลอยยักษ์ตกกลางลานบ้านชาวดอยสะเก็ดแล้ว เผยนิยมผลิตกันใน “ตองยี ประเทศพม่า” ก่อนลอบนำเข้าผ่านชายแดนตอนเหนือของเชียงใหม่ ตร.เร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเอาผิด 3 ข้อหาหนัก
วันนี้ (2 ม.ค.) พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.เชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีโคมลอยยักษ์ความสูงเท่าตึก 3 ชั้น หรือสูงถึง 15 เมตร โครงสร้างทำจากเหล็กเส้น ที่ลอยไปตกกลางลานบ้านชาว อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ว่าได้สอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งพระและสามเณรวัดเกาะกลาง ต.ป่าแดด ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่ปล่อยโคมยักษ์ไปหลายปากแล้ว เบื้องต้นพบว่ามีการจุดโคมลอยดังกล่าวปล่อยให้ลอยขึ้นไปประมาณ 30 นาที ก่อนไปตกในลานบ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านแม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ห่างจากจุดที่ปล่อยประมาณ 14 กิโลเมตร
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีการทำโคมยักษ์มาจากเมืองตองยี ประเทศพม่า ที่นิยมทำมาแข่งขันกันมานานแล้ว และมีกลุ่มบุคคล สามเณรต่างชาตินำเข้ามาจากช่องทางบริเวณแนวชายแดนพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำมาจุดสะเดาะเคราะห์ภายในวัดเกาะกลางในงานประเพณีใส่ขันดอกพระอินทร์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา
ในส่วนของคดี ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดี คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า น่าจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีไม่ต่ำ 3-4 คนได้ โดยจากพิจารณาความผิดจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ทั้งฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานในช่วงเวลาห้ามปล่อย และการปล่อยโคมลอยที่มีขนาดเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร ตามกฎหมายถือว่าเป็นอากาศยาน ต้องมีการขออนุญาต จากกรมการบินพลเรือน และในคดีอาญาต้องตรวจสอบว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชนหรือไม่
ทั้งนี้ การปล่อยโคมลอยยังมีผลกระทบต่ออากาศยาน และความมั่นคง จึงต้องมีการควบคุม ซึ่งในช่วงงานประเพณีลอยกระทงที่ผ่านมาต้องมีการประกาศยกเลิกเที่ยวบิน และกระทบต่อประชาชนที่ต้องเลื่อนเที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่กว่า 2 หมื่นคน แม้ว่าจะมีผลดีในด้านความสวยงาม และการท่องเที่ยว แต่ก็มีผลกระทบเช่นเดียวกัน