จันทบุรี - 2 คนร้ายก่อเหตุโจรกรรมรถยนต์กระบะของลุงวัย 60 ปี ที่จอดไว้หน้าบ้านกลางเมืองจันทบุรี ขณะที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้ ตำรวจสันนิษฐานน่าจะเป็นใบสั่งรถออเดอร์ส่งขายชายแดน
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.อำนาจ ภุชงค์ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจาก นายจำนง คงเหล่ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/239 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ว่า มีคนร้ายได้เข้ามาก่อเหตุโจรกรรมรถยนต์กระบะที่จอดไว้หน้าบ้านไป ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบด้วย
หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.อำนาจ ภุชงค์ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงพบ นายจำนง คงเหล่ ผู้เสียหายยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ โดยได้ชี้รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บม 6543 จันทบุรี ที่จอดอยู่หน้าบ้าน และถูกคนร้ายโจรกรรมไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และ นายจำนง ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพคนร้ายในขณะที่ขับรถยนต์ของ นายจำนง ผู้เสียหายออกมาจากจุดเกิดเหตุได้
จากการตรวจสอบภาพพบชาย จำนวน 2 คน คนแรกแต่งกายสวมเสื้อสีขาว กางเกงขายาว คนที่ 2 สวมเสื้อสีดำ กางเกงขายาวเช่นกัน ทำทีเดินอยู่ข้างรถยนต์กระบะของผู้เสียหาย หลังสบโอกาสได้เข้าไปในรถยนต์กระบะของผู้เสียหายก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องรถยนต์กระบะออกไป
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้าย 2 คนที่ก่อเหตุน่าจะมีใบสั่ง หรือออเดอร์รถมาจากตลาดมืด และเป็นรถยนต์ที่ตลาดมืดกำลังต้องการ หรืออาจจะเป็นรถยนต์กระบะที่พ่อค้าชายแดนกำลังต้องการก็เป็นได้ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งแกะรอย และติดตามจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้าย 2 คน ใช้หลบหนี เพื่อเป็นเบาะแสในการตามจับคนร้าย 2 คน ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งจะได้ประสานให้ตำรวจ ทหาร และตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองที่อยู่พื้นที่ชายแดนได้มีการตรวจตราตามจุดผ่อนปรน และด่านชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันคนร้าย 2 คน นำรถยนต์กระบะที่ก่อเหตุส่งขายชายแดนต่อไป
จากการสอบถาม นายจำนง ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองจอดรถไว้หน้าบ้านแบบนี้มานานหลายปีแล้ว และรถคันนี้ไม่ค่อยได้ใช้งาน ช่วงเย็นของวันที่ 26 ธันวาคม 2558 ตนเองได้ขับรถยนต์กระบะคันนี้ไปออกกำลังกาย และนำกลับมาจอดช่วงประมาณ 19.30 น. และขับรถยนต์กระบะคันนี้อีกครั้งในการไปทำธุระที่กรุงเทพฯ จนเวลา 05.00 น. ลูกชายโทร.มาถามว่ารถยนต์กระบะหายไปไหน ตนเองจึงมั่นใจว่ารถยนต์กระบะของตนเองได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไปอย่างแน่นอนก่อนที่จะมาตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบว่า รถยนต์กระบะได้ถูกคนร้าย 2 คน โจรกรรมไปแล้ว จึงได้เข้าแจ้งความ และให้ตำรวจช่วยติดตามรถยนต์กระบะคันดังกล่าว
