กอ.รมน.ชลบุรี ปลุกจิตสำนึกเยาวชนปลูกป่ารักธรรมชาติ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดชลบุรี ร่วมกับเทศบาลนครแหลมฉบัง จัดโครงการเยาวชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปี 2558 เพื่อปลุกจิตสำนึกในภาคประชาชน เน้นกลุ่มเยาวชนให้เข้าใจพื้นฐานในการปกป้องอนุรักษ์ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่บริเวณหลังวัดหนองคล้า ม.2 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พ.อ.พิเศษ ทัศไนย ประทุมทอง รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชลบุรี (กอ.รมน.) ได้เป็นประธานเปิดโครงการเยาวชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปี 2558 พร้อมด้วย พระอธิการบุญรอด พรหมญาโณ เจ้าอาวาสวัดหนองคล้า นายสันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พ.ท. สุขสันต์ กุลพงษ์ รองหัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการด้านความมั่นคงฯ และนางพรรณพรรษ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 3 คณะครู นักเรียน และประชาชนชุมชนบ้านหนองคล้า จำนวนกว่า 300 คน เข้าร่วมโครงการ

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกจิตสำนึกในภาคประชาชน โดยเน้นกลุ่มเยาวชน ให้เข้าใจพื้นฐานในการปกป้องอนุรักษ์ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความตระหนักรู้ และเข้าใจในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของผืนป่า ที่ว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่าของพระองค์”

พ.อ.พิเศษ ทัศไนย ประทุมทอง รองผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นป่าเราถูกทำลายทำให้ป่าไม้ลดลง ดังนั้น เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกในการปกป้องร่วมกันรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติ โดยการยึดหลักธรรมาภิบาล สร้างความตระหนักรู้และเข้าใจในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของผืนป่าร่วมกัน ร่วมปลูกป่าในใจด้วยกัน จะส่งผลให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันที่จะช่วยกันปกป้อง และปลูกป่าเพิ่มเติม เชื่อว่าในอนาคตจะเกิดความยั่งยืน และจากการได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 3

ตลอดจนชุมชนบ้านหนองคล้าในพื้นที่ ได้ช่วยกันฟื้นฟูบริเวณพื้นที่วางเปล่า ที่วัดหนองคล้า ให้กลับมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเมื่อป่าได้รับการดูแลมากขึ้น จะเป็นบทพิสูจน์ว่า คนกับป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ป่าก็จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และต่อประเทศชาติอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ เยาวชนที่เข้ารับอบรมได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ พร้อมร่วมกันปฏิญาณตนว่าจะร่วมกันปกป้องผืนป่า และทรัพยากรธรรมชาติที่เหลืออยู่ในปัจจุบันให้เป็นป่าที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์มากขึ้นต่อไป