ลำพูน - เจ้าหน้าที่ปกครอง ทหาร ตำรวจ ฯลฯ สนธิกำลังร่วมตรวจสอบ “กู่อรหันต์ลำพูน” ซ้ำอีกแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป บอกต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจอย่างละเอียด เบื้องต้นดูด้วยตาพระพุทธรูปทั้งหมด “ของใหม่ทั้งเพ” ขณะที่เจ้าสำนักฯ ตัดพ้อสื่อนำเสนอด้านเดียว ยันแนวทางคำสอนกู่อรหันต์ “ถูกต้อง”
วันนี้ (21 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังกว่า 50 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ, เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัด และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญชัย บุกเข้าตรวจสอบสำนักกู่อรหันต์ หรือมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม บ้านดอยไซ หมู่ที่ 14 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน ที่ถูกชาวบ้านร้องเรียน ขณะที่ทางมูลนิธิฯ พยายามยื้อมาหลายรอบ อย่างไรก็ตาม หลังการตรวจสอบเอกสารมูลนิธิฯ เจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด อ้างว่ายังสรุปไม่ได้
ด้านนายสินธพ ทรวงแก้ว ประธานมูลนิธิ เจ้าสำนักกู่อรหันต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วิธีการสอน และแนวทางของตนถูกต้อง อยากจะบอกว่าหากคุณไม่เรียนรู้คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นถูก หรือผิด ส่วนรายละเอียดการตรวจสอบต้องสอบถามเจ้าหน้าที่เอาเอง ตนขอขอบคุณทุกคน
นายสุชาติ วุฒิปรัชญา ที่ปรึกษามูลนิธิ กล่าวตัดพ้อกับสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมาสื่อนำเสนอข้อมูลด้านเดียว โดยที่ทางเราไม่ได้มีโอกาสพูด หรือชี้แจงเลย เป็นการฟังข้อมูลด้านเดียว ขอยืนยันว่าที่นี่เรายินดีต้อนรับทุกคนและพร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่อง
ขณะที่นางเบญจวรรณ พลประเสริฐ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฯ กล่าวว่า การตรวจสอบพระพุทธรูปเบื้องต้น เท่าที่ดูพุทธลักษณะ ดูเนื้อวัตถุ ดูพื้นที่โดยรอบต่างๆ ก็จะรู้ได้ว่ามาเจอที่ไหน อย่างไร จากไหนก็จะอ้างอิงได้ มีเอกสารหรือบันทึกจารึกอะไรหรือไม่ที่จะมาสนับสนุนตรงนี้
ซึ่งจากการดูข้อมูลแวดล้อมโดยรวมเหล่านี้ เบื้องต้นยืนยันว่าไม่ใช่พระพุทธรูปเก่าโบราณตามที่กล่าวอ้าง ส่วนด้านการสร้างพระนั้นต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งจากผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับตนเท่าที่มองด้วยตาเปล่าคาดว่าเป็นของใหม่ทั้งหมด
นายไพฑูรย์ รัตน์เลิศลบ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ต้องบอกว่าการที่คนเข้ามากราบไหว้นั้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล เพราะส่วนใหญ่เราที่เป็นชาวพุทธ เมื่อเห็นพระพุทธรูปเราก็จะกราบไหว้ ส่วนอื่นนอกเหนือจากการกราบไหว้ เช่น คำสอน และการบริจาค ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ผมไม่อยากเอามารวมกันเพราะจะแยกไม่ออก
“อยากจะฝากบอกประชาชนว่าความเชื่อและศรัทธาเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่อยากให้ศึกษา ถ้าเราศึกษามากเราก็จะรู้ และเราก็จะนับถือได้ถูกทาง ไม่อยากให้หลง เราต้องศึกษาข้อมูลหลักธรรมให้มากขึ้น การจะนับถือสิ่งใดอยู่ที่ตัวบุคคลและโอกาส บางครั้งเราไปเบี่ยงเบนไม่ได้ เราต้องให้ข้อมูลให้ความรู้ให้ความถูกต้องมันก็จะมาแนวทางที่เหมือนกัน”
นายไพฑูรย์กล่าวว่า ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ขาดการแนะนำที่ถูกต้อง ขาดการทำความเข้าใจ ถ้าเราให้ข้อมูลในเรื่องของหลักธรรมที่ถูกต้องก็จะดี เพราะมันมีเรื่องของหลักธรรมกับวัฒนธรรมประเพณีที่มีความเชื่อมาแต่ดั้งเดิม ส่วนการตรวจสอบองค์พระ หรือจะระบุอะไรไป ต้องรอเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร หรือผู้อำนวยการกรมศิลปากรเพราะมีความรู้ด้านนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
“ผมมีหน้าที่ประสานงานในพื้นที่และคณะกรรมการคนหนึ่งเท่านั้น เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาฟัง ยังไม่เห็นเอกสารใดๆ ของสำนักฯ นี้เลย ที่ผ่านมาไม่ว่าจะกรณีใดชาวบ้านได้รับข้อมูลด้านเดียว ทางราชการต้องทำความเข้าใจกับการที่จะเชื่อสิ่งใดๆ ต้องศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้ แต่เรื่องความเชื่อนั้นมันห้ามกันไม่ได้ แต่การตรวจสอบต่างๆ นั้นต้องรอทางคณะกรรมการที่ทางจังหวัดแต่งตั้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแล้วสรุปผลอีกครั้ง”
