เกษตรกรบุรีรัมย์ลงทุนเจาะน้ำบาดาลปลูกข้าวโพดขาย สู้วิกฤตภัยแล้ง

บุรีรัมย์ - เกษตรกรบุรีรัมย์ลงทุนเจาะน้ำบาดาลปลูกข้าวโพดวางขายริมถนนสู้วิกฤตภัยแล้งแทนการอพยพไปขายแรงงานต่างถิ่น หลังแหล่งน้ำตามธรรมชาติตื้นเขิน เผยมีรายได้เฉลี่ยวันละ 2-3 พันบาท

วันนี้ (18 ธ.ค. 58) ชาวบ้านบ้านหนองหว้า ม.10 ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 70 ครัวเรือน ได้ลงทุนขุดเจาะบ่อดาลเพื่อดึงน้ำใต้ดินมาปลูกข้าวโพดในพื้นที่นาหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ เพื่อนำผลผลิตมาต้มและขายสดตามเพิงริมถนนบุรีรัมย์-พุทไธสง ซึ่งเป็นถนนสายหลักผ่านหมู่บ้านทั้งขายปลีกและส่งให้ประชาชนที่ขับรถสัญจรผ่านไปมา โดยมีรายได้เฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 บาท จากปกติทุกปีหลังเก็บเกี่ยวเสร็จเกษตรกรส่วนใหญ่จะพากันอพยพเคลื่อนย้ายออกไปหาทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัด

ส่วนสาเหตุที่เกษตรกรต้องลงทุนเจาะบ่อบาดาลใช้ในการปลูกข้าวโพด เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีสภาพตื้นเขินโดยพบว่าปีนี้มีเกษตรกรในหมู่บ้านหันมาปลูกข้าวโพดขายเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอีก 10 ราย เนื่องจากมีรายได้ดี

นางโสภา สุขทวี อายุ 37 ปี ชาวบ้านบ้านหนองหว้า บอกว่าหลังเสร็จจากการเก็บเกี่ยวข้าวก็จะปรับพื้นที่นาปลูกข้าวโพดเพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย โดยปีนี้ได้ลงทุนเจาะน้ำบาดาลเพื่อใช้รดต้นข้าวโพด เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติตื้นเขินไม่เพียงพอ ส่วนผลผลิตที่ได้ก็จะนำไปขายสดและต้มสุกวางขายตามเพิงริมถนนแต่ละวันก็จะขายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท หากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้วันละ 2,000-3,000 บาท เพราะมีคนขับรถผ่านไปมาตลอดทั้งวันจอดแวะซื้อไปรับประทานและเป็นของฝากด้วยซึ่งแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 เดือน แต่ก็เป็นรายได้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องอพยพไปทำงานยังนอกพื้นที่

ด้านนายจันทิมา ขามชู อายุ 35 ปี กล่าวว่า ปลูกข้าวโพดขายหลังทำนามาเกือบ 10 ปีแล้วเนื่องจากเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย และสร้างรายได้ดีทั้งได้อยู่กับครอบครัวไม่ต้องไปทำงานไกลๆ โดยช่วงแรกมีชาวบ้านในหมู่บ้านปลูกไม่ถึง 10 ครัวเรือน แต่ปัจจุบันได้หันมาปลูกเพิ่มขึ้นมากกว่า 70 หลังคาเรือนแล้ว

ส่วนน้ำที่ใช้ปลูกก็จะใช้แหล่งน้ำตามธรรมชาติบ้างบางรายก็ขุดเจาะบ่อบาดาล แต่รายได้ก็คุ้มกับการลงทุนโดยจะลงทุนเฉลี่ยไร่ละ 5,000 บาท ขายได้ไร่ละ 15,000 บาท