เหตุสลด! หนุ่มซ่อมรถเกี่ยวข้าวบุรีรัมย์ถูกปากรถเกี่ยวหลุดทับตายต่อหน้าเพื่อน

บุรีรัมย์ - เกิดเหตุสลดหนุ่มขับรถรับจ้างเกี่ยวข้าวถูกปากรถเกี่ยวหลุดทับขณะเข้าไปซ่อมเสียชีวิตคาที่ แม้เพื่อนที่มารับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยกันพยายามช่วยแต่ไม่สามารถช่วยได้เนื่องจากปากรถเกี่ยวมีน้ำหนักมาก ด้านเจ้าของรถเผยช่วงนี้เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้รถเกี่ยวทำงานหนักเฉลี่ยวันละ 30-40 ไร่

วันนี้ (23 พ.ย.) ร.ต.ท.ประสิทธิ์ ไกรงาม ร้อยเวรฯ สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุรถเกี่ยวข้าวทับคนเสียชีวิต จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยราช ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนสายห้วยราช-สตึก บ.ขาม ม.7 ต.ตาเสา อ.ห้วยราช พบชาวบ้านและเกษตรกรจำนวนมาก กำลังมุงดูศพชายทราบชื่อภายหลัง คือ นายประสาท ชูเชิด อายุ 29 ปี ชาว อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นคนขับรถรับจ้างเกี่ยวข้าว นอนเสียชีวิตอยู่ใต้รถเกี่ยวข้าว ในสภาพถูกปากรถเกี่ยวทับร่าง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง และกางเกงลายขาสั้น

จากการสอบถามนายอภิชาต สุขปลั่ง อายุ 30 ปี เพื่อนคนงานที่มารับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยกัน บอกว่านายประสาทผู้เสียชีวิตทำหน้าที่ขับรถเกี่ยวข้าว แต่เนื่องจากช่วงเช้าขณะจะไปรับจ้างเกี่ยวข้าวให้เจ้าของนาที่บ้านขาม ต.ตาเสา ใกล้กับจุดเกิดเหตุ พบว่าสลักบริเวณปากรถเกี่ยวเกิดหลุด ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ นายประสาทจึงได้เข้าไปซ่อมโดยใช้แม่แรงค้ำปากรถเกี่ยวไว้ ขณะกำลังทำการซ่อมอยู่นั้นแม่แรงที่ค้ำปากรถเกี่ยวเกิดมีปัญหายุบตัวลงกะทันหันทำให้ปากรถเกี่ยวหลุดทับร่างนายประสาทกระแทกกับพื้น ซึ่งนายอภิชาตพยายามเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยได้เนื่องจากปากรถเกี่ยวมีน้ำหนักมากจนเป็นเหตุให้นายประสาทเสียชีวิตดังกล่าว

ด้านนายอานนท์ บุญมา อายุ 23 ปี เจ้าของรถเกี่ยวข้าว บอกว่า ตนกับพ่อมีอาชีพรับจ้างเกี่ยวข้าว โดยได้นำรถเกี่ยวมาจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมารับจ้างเกี่ยวข้าวในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 5 คัน เกี่ยวอยู่ในพื้นที่ อ.ห้วยราช 4 คัน และ อ.ประโคนชัย 1 คัน ช่วงนี้เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำไปขาย โดยจะรอคิวเกี่ยววันละหลายรายซึ่งจะลงเกี่ยวตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม ทำให้รถเกี่ยวทำงานหนักจึงเกิดปากเกี่ยวชำรุด เมื่อคนงานเข้าไปซ่อมจึงได้เกิดหล่นทับเสียชีวิตดังกล่าว

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์และส่งศพไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อหาต่อผู้ที่กระทำการโดยประมาทต่อไป