อุดรธานี - ศาลเยาวชนและครอบครัวอุดรฯ นัดหนุ่ม รปภ.ดวงเฮงถูกลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทไกล่เกลี่ยกับอดีตภรรยาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้งสองฝ่ายมีความสุข เผยหนุ่มดวงเฮงรับปากให้ส่งเงินเลี้ยงลูกเดือนละ 7,000 จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ พร้อมซื้อกระบะคันใหม่ให้ภรรยา รับหากหมดห่วงจะขอบวช ด้านอดีตภรรยายอมรับข้อตกลง ยันไม่มีทางคืนดีแน่
วันนี้ (30 พ.ย.58) ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว ถ.ทหาร เทศบาลนครอุดรธานี น.ส.เสาวนีย์ ทองวิเศษ พร้อมทนายความ และพ่อแม่ญาติพี่น้องกว่า 10 คน ได้เดินทางมาเพื่อเตรียมขึ้นศาล ตามที่นัดวันเจรจาไกล่เกลี่ยคดีความ ต่อมา นายยงยุทธ แก้วสวนจิก ได้เดินทางมาพร้อมทนายความ และญาติพี่น้องประมาณ 7 คน เพื่อเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยตามที่ศาลนัดเช่นกัน
ขณะที่นายยงยุทธ เดินทางมาถึงและขึ้นไปรอที่หน้าห้องไกล่เกลี่ย ชั้น 2 ของศาลเยาวชนและครอบครัว จ.อุดรธานี พี่สาวของนางเสาวนีย์ ได้นำตัวน้องเกาลัด มาใช้นายยงยุทธอุ้ม โดยนายยงยุทธ ได้อุ้มลูกเดินไปมา เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เชิญตัวเข้าไปยังห้องไกล่เกลี่ย โดยให้เฉพาะทนายความของแต่ละฝ่ายเข้าไปได้เท่านั้น และใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งหมดจึงออกจากห้องไกล่เกลี่ย และต่างครอบครัวได้เดินทางออกจากศาลไป
ทราบว่าทั้งคู่สามารถตกลงกันได้เบื้องต้น โดยนายยงยุทธ ขอรถกระบะมิตซูบิชิ สีน้ำตาล ทะเบียน ผก 4848 อุดรธานี คันเดิมของตัวเองคืน เนื่องจากเป็นรถคู่ใจ และเลขทะเบียนรถคันนี้ทำให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ขณะที่ทั้งคู่ได้เดินทางไปเลือกรถกระบะคันใหม่ ตามที่นายยงยุทธ ตกลงจะซื้อรถกระบะคันใหม่ให้ โดยนายยงยุทธ ได้ซื้อรถกระบะ มิตซูบิชิ แคป สีดำ ราคา 700,000 บาท ให้กับ น.ส.เสาวนีย์ แทนคันเดิม
จากนั้นทั้งนายยงยุทธ และน.ส.เสาวนีย์ พร้อมทนายความ ได้กลับมาเจรจาไกล่เกลี่ยต่ออีกรอบ โดยญาติของทั้ง 2 ครอบครัวต่างปักหลักรอฟังผลการเจรจา และใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงเดินออกจากศาล
โดยนายยงยุทธ ได้ออกมาเตรียมนำรถคันเดินกลับบ้าน ขณะที่ได้ดูรถคันใหม่ที่ใช้เงินสดซื้อให้ น.ส.เสาวนีย์ และได้พูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่นายยงยุทธ จะขออุ้มน้องเกาลัด จากน.ส.เสาวนีย์ และได้พาขึ้นนั่งบนรถคันใหม่ ที่เพิ่งซื้อให้กับอดีตภรรยา ก่อนที่ทั้ง 2 ครอบครัวจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
นายยงยุทธ แก้วสวนจิก เปิดเผยว่า วันนี้สามารถตกลงกันได้ ทุกอย่างที่ตนยอมทำไปเพื่ออนาคตของลูกทั้งนั้น เพราะลูกจะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อ ตนสร้างไว้ให้ลูกเยอะ ทั้งที่ดินสร้างบ้านก็ร่วม 10 ล้านบาท ส่วนตัวนั้นตนใช้เงินไม่มาก นอกจากใช้ทำบุญและซื้อที่ดิน เพราะที่ดินจะมีราคาสูงขึ้น ไม่เหมือนกับซื้อรถที่ราคาจะลดลงไปเรื่อยๆ ต่อไปตนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ตามพระราชดำริในหลวง ส่วนรีสอร์ตจะไม่ทำ เพราะไม่มีใครแล้ว ขออยู่ตัวคนเดียว ทำไร่ทำสวนปลูกผักปลูกหญ้าเลี้ยงปลา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
“ต้องการจะไปบวช ที่ผ่านมายังไม่สามารถบวชได้ เพราะติดเรื่องที่เกิดขึ้น ยังทุกข์ใจอยู่ มาถึงวันนี้สบายใจขึ้น สักพักก็คงออกบวชอย่างเงียบๆ โดยลูกก็จะช่วยกันดู ซึ่งจากการไกล่เกลี่ย ได้ตกลงกันคือ ผมจะส่งค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละ 7,000 บาท จนเขาอายุ 20 ปี เงินสดก้อนหนึ่งให้เขาไปลงทุน และรถใหม่อีก 1 คัน แต่ด้วยนิสัยของผม หากเขาลำบากมาผมก็ต้องดูแลอยู่แล้ว ต่อไปผมคงไปหาลูกได้โดยไม่ต้องระแวงแล้ว”นายยงยุทธกล่าว
ด้าน น.ส.เสาวนีย์ ทองวิเศษ เปิดเผยว่า วันนี้มานัดคุยกันเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ซึ่งเรื่องที่เจรจากันตนยอมรับ โดยอดีตสามีให้รถใหม่ 1 คัน เงินสด 900,000 บาท และค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละ 7,000 บาท ไปจนลูกจะบรรลุนิติภาวะ และไม่ได้คุยกันมากกว่านี้ จากนี้ตนคิดว่าจะเปิดร้านขายส้มตำ ปลาเผา ที่ทะเลบัวแดงบ้าน หากอดีตสามีต้องการไปเยี่ยมลูกก็ไปได้ ทางครอบครัวไม่ได้กีดขวาง ส่วนจะกลับมาดีกัน ใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาพูดมาตั้งแต่ทีแรกแล้วว่า ไม่อยากกลับมาใช้ชีวิตคู่กับตนอีก