บุรีรัมย์ - เกษตรกร อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ยอมเสี่ยงทำนาปรัง ไม่หวั่นกระทบแล้ง แม้ผลผลิตจะเสียหาย หรือไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐก็ตาม หลังระดับน้ำมูลลดลงต่อเนื่อง เผยไม่มีอาชีพอื่นรองรับ วอนภาครัฐเร่งสำรวจสร้างฝาย หรือเขื่อนยางกักเก็บน้ำไว้
วันนี้ (21 พ.ย.) เกษตรกรบ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กว่า 10 ครัวเรือน ที่มีพื้นที่นาอยู่ติดริมลำน้ำมูล ได้เร่งปรับพื้นที่ และสูบน้ำจากลำน้ำมูลใส่ทุ่งนาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง โดยไม่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง แม้ขณะนี้ระดับน้ำลำน้ำมูลลดลงต่อเนื่อง ทั้งไม่สนคำประกาศขอความร่วมมือจากทางภาครัฐที่ให้งดทำนาปรัง โดยชาวนาอ้างว่าสาเหตุที่ต้องยอมเสี่ยงทำนาปรัง เพราะไม่มีอาชีพเสริม หรือรายได้อื่นรองรับ ไม่มีความสามารถไปทำอาชีพอื่น
จากข้อมูลพบว่าใน ต.ท่าม่วง อ.สตึก จะมีเกษตรกรทำนาปรังประมาณ 10,000 ไร่ แต่ทางภาครัฐได้ขอความร่วมมือให้งดปลูกข้าวนาปรังมา 2 ปีต่อเนื่องแล้ว เพราะเกรงน้ำจะไม่เพียงพออุปโภคบริโภค
นายสำราญ มากหลิ้ม อายุ 59 ปี เกษตรกรบ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง กล่าวว่า หากไม่ทำนาปรังก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ไม่มีความรู้ไปทำอาชีพอื่น จำเป็นต้องทำนาปรังแม้จะเสี่ยงได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวผลผลิตเสียหาย และไม่ได้เงินช่วยเหลือจากทางภาครัฐก็ตาม อยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐได้เร่งสำรวจสร้างฝาย หรือเขื่อนยางเพื่อกักเก็บน้ำมูลไว้ใช้อุปโภคบริโภค เลี้ยงปลากระชัง และทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านด้วย