อุทัยธานี - ตำรวจนำตัวขบวนการล่าสัตว์ป่า ( เสือโคร่ง ) สัตว์ป่าคุ้มครอง ไปทำแผนในที่เกิดป่ากันชนป่าห้วยขาแข้ง หลังรวบตัวได้เกือบยกแก๊งสารภาพสิ้น และจะเร่งนำตัวขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว พร้อมนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
วันนี้ ( 19 พ.ย. ) พล.ต.ต.สมจิตร์ ทองแท่ง ผบก.ภ.อุทัยธานี และนายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้นำตัวนายเศกสรรค์หรือติ๊ก ก้อนทอง อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 123 /2 หมู่ที่ 7 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี , นายณรงค์ศักดิ์ หรือต้อม ก้อนทอง อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 131 / 1 หมู่ที่ 1 ต.ระบำ และนายแสง บริบูรณ์ อายุ 54 ปี 116 หมู่ที่ 7 ต.ระบำ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่สวนป่าระบำขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ต.ระบำ หลังร่วมกันลอบยิงเสือโคร่งชำแหละขาย
โดยได้จำลองกระบวนการล่าเสือทุกขั้นตอน พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บหลักฐานต่างๆ เช่น เลือด และขนเสือ ที่ตรวจพบที่เกิดเหตุ และบ้านพัก ที่เป็นจุดชำแหละเสือ เพื่อไปประกอบสำนวนคดีดำเนินคดี ตามกฏหมายต่อไป
จากนั้น พล.ต.ต.สมจิตร์ ทองแท่ง ผบก.ภ.อุทัยธานี และนายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 4 (กรมทหาราบที่ 4) จังหวัดอุทัยธานี ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดกลับมาที่สถานีตำรวจภูธรลานสัก (สภ.ลาสัก) ก่อนเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นการขยายผลทางคดี หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร , เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าแม่สอดฯ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหารวม 2 คน มีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ( เสือโคร่ง ) จำนวน 79 กิโลกรัม พร้อมรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ภง - 1132 กทม.ที่ใช้ขนซากสัตว์ ได้เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 ฐาน “ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และมาตรา 20 ฐาน “ร่วมกันค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากนั้นตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ,เขตรักษาพันธุ์สัตว์ห้วยขาแข้ง ร่วมกับตำรวจชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันทางขยายผลถึงขบวนการล่าสัตว์ห้วยขาแข้งส่งขาย จนสามารถรู้ตัวกลุ่มขบวนการล่าสัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้ทั้งหมด และสามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวข้างต้น พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุยิงเสือโคร่ง เป็นอาวุธปืนลูกซองเดี่ยวยาว เบอร์ 22 ยี่ห้อเรมิงตัน ได้เมื่อคืนที่ผ่าน (18 พ.ย.) และสารภาพว่ากระทำผิดจริง แต่ยังมีผู้ต้องหาบางส่วนยังหลบหนีอยู่ ซึ่งจะได้ติดตามต้วมาดำเนินคดี ต่อไป
พฤติการณ์กระทำความผิดของแก๊งล่าเสือโคร่งกลุ่มนี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ย. 58 เวลาประมาณ22.00 น.นายนายเศกสรรค์ หรือติ๊ก ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวนั่งห้างเพื่อล่าสัตว์บริเวณสวนป่าระบำ แนวเขตป่ากันชนเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ต.ระบำ และยิงเสือโคร่งตายในบริเวณดังกล่าวขณะออกมาล่าเหยื่อเป็นอาหาร
จากนั้นผู้ร่วมขบวนการได้ช่วยในการขนย้ายซากเสือโคร่งมาที่บ้านพัก เพื่อชำแหละซากสัตว์ และติดต่อซื้อขายกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยได้เดินทางมารับซื้อถึงพื้นที่อุทัยธานีในราคา 150,000 และได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ( เสือโคร่ง ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีและค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ,และ พรบ.อาวุธปืนฯ
สำหรับซากเสือที่สามารถจับกุมจากขบวนค้าซากสัตว์ ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ลายเสือโคร่ง พบว่าตรงกับฐานข้อมูลเสือที่เคยพบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ระหว่างปี 2555-2558 โดยเป็นเสือตัวเมีย ปัจจุบันอายุประมาณ 5-6 ปี พบครั้งสุดท้ายพร้อมกับลูกเสืออีกอย่างน้อย 2 ตัว