บุรีรัมย์ - ผบช.ภาค 3 ลงพื้นที่แถลงจับกุมลูกชายกำนันดังบุรีรัมย์ พร้อมเมียและเครือข่ายนักค้ายารายสำคัญ พร้อมของกลางร่วม 4,000 เม็ด อายัดทรัพย์สินกว่าล้านบาท สารภาพรับยาจากฝั่งลาวผ่านเข้ามาทาง จ.อุบลฯ พร้อมย้ำจังหวัดติดชายแดนคุมเข้มป้องกันยาเสพติดเล็ดลอด
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (10 พ.ย.) ที่หน้ากองกำกับการ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฉัตรวรรษ แสงเพชร รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.ประยุทธ โพธิ์แก้วกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.สนม อุไรรักษ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.นางรอง, พ.ต.อ.บัณฑิต อ่อนสาคร ผกก.สภ.หนองกี่ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. ฝ่ายปกครองจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ
โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภูธร จ.บุรีรัมย์ ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ตำรวจ สภ.นางรอง, สภ.หนองกี่, สภ.หนองไทร, ตชด.216, ชุดปฏิบัติการข่าวลับกองทัพภาคที่ 2, เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 26 และชุดเฉพาะกิจร้อย อส.จ.บุรีรัมย์ วางแผนล่อซื้อจับกุม นายธีรยุทธ เนียมสอน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 11 ถ.ราษฎร์บำรุง ต.ทุ่งกระตาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เป็นลูกชายกำนันตำบลแห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ และ น.ส.มยุรี กุ่ยกระโทก อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 4 ต.ชุมแสง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ภรรยาของนายธีรยุทธ ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้ที่บริเวณทางแยกบ้านสระขาม ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
ขณะที่นายธีรยุทธ และภรรยา ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน กฉ 7491 บุรีรัมย์ มารับยาบ้าที่เอเยนต์ชื่อ ชัย เป็นชาวลาว ได้ให้เครือข่ายนำยาบ้ามาทิ้งไว้บริเวณหลักกิโลเมตรใกล้กับทางแยกบ้านขาม ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมได้ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนหนึ่ง ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักและยึดของกลางยาบ้าเพิ่มอีกรวมทั้งหมด 3,594 เม็ด โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อซื้อขายยา 2 เครื่อง
พร้อมอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการจำหน่ายยาบ้าอีกหลายรายการ ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สมุดบัญชีธนาคาร 8 เล่ม บัตรเอทีเอ็มหลายใบ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้ขยายผลจับกุม นายสมปอง ผลกระโทก อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 4 ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รับยาบ้ามาจากนายธีรยุทธ เพื่อนำไปขายต่อให้กลุ่มวัยรุ่นเยาวชน และผู้เสพในเขต อ.นางรอง และหนองกี่ด้วย
จากการสอบสวนนายธีรยุทธให้การรับสารภาพว่า ได้สั่งซื้อยาบ้ามาจากนายชัย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นชาวลาว ได้ให้เครือข่ายเป็นคนไปรับยามาจากฝั่งลาวเข้ามาทางด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี เพื่อนำมาส่งให้นายธีรยุทธ โดยจะวางยาไว้ตามหลักกิโลเมตรแล้วโทรศัพท์แจ้งให้มารับ จากนั้นจะนำยาไปกระจายต่อให้ผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพในพื้นที่ อ.นางรอง และ อ.หนองกี่ โดยขายในราคาเม็ดละ 250-300 บาท
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว 2 สามีภรรยาส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ส่วนนายสมปองได้ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่”
ด้าน พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ทั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 ได้ระดมกวาดล้างจับกุมทั้งผู้ค้าและผู้เสพให้หมดไป ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันกลุ่มขบวนการจะลักลอบนำยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่หรือผ่านเข้าไปยังจังหวัดชั้นในอย่างเข้มงวดด้วย