เพชรบูรณ์ - ผู้ว่าฯ นั่งหัวโต๊ะตั้งวงหารือแนวทางจัดการรีสอร์ตไม่ได้มาตรฐานบน “ภูทับเบิก” ควานหาข้อกฎหมายใช้บังคับ หวั่นโดนฟ้องกลับ เผยโยธาฯ สำรวจเจอแล้ว 70 หลังควรรื้อถอน ขณะที่สรรพากรฯ ยันไม่มี 2 มาตรฐานเก็บภาษีโรงแรมรีสอร์ต “เขาค้อ-ภูทับเบิก” แต่กำลังเจ้าหน้าที่ไม่พอ
นายบัณฑิต เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ประชุมส่วนราชการ เช่น โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด, ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด, อัยการจังหวัด, นายอำเภอหล่มเก่า ฯลฯ บ่ายวานนี้ (9 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดฯ เพื่อหารือถึงการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า
หลังจากเกิดปัญหาการสร้างบ้านพัก- รีสอร์ตบุกรุกที่ดินของรัฐ และยังขาดความปลอดภัย รวมทั้งขาดมาตรฐานในการก่อสร้างอาคาร ซึ่งเมื่อ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดฯ ตรวจสอบอาคารบนภูทับเบิก 656 หลัง เป็นจำนวนห้องพักและร้านอาหารจำนวน 781 ห้อง ต้องแนะนำให้รื้อถอนเนื่องจากโครงสร้างไม่มั่นคงแข็งแรงหรือที่ตั้งไม่เหมาะสมจำนวน 70 หลัง แนะนำให้ปรับปรุงอาคารจำนวน 120 หลัง แนะนำด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยจำนวน 34 หลัง
นายบัณฑิตบอกว่า ต้องรอกฎหมายผังเมืองรวมจังหวัดฯ ประกาศใช้ในราวเดือนธันวาคมนี้ ทำให้เกิดช่องว่าง โดยทางโยธาฯ จะต้องแจ้งหนังสือไปยังผู้ประกอบการให้รื้อถอนหรือปรับปรุงแก้ไขอาคารที่ไม่ปลอดภัย รวมทั้งการแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบถึงสิ่งที่คณะทำงานฯ ลงพื้นที่ไปตรวจพบอีกด้วย แต่เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมายจึงต้องหารือว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่จะหยิบมาใช้บังคับได้บ้าง
ก่อนหน้านี้นายบัณฑิตได้ตกลงกับคณะทำงานฯ หลังการตรวจสอบอาคารเสร็จสิ้น จะให้มีหนังสือแจ้งไปถึงผู้ประกอบการ และให้เผยแพร่ข้อมูลผลการตรวจสอบทางเว็บไซต์จังหวัดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนัก และหากยังยืนกรานจะซื้อบริการก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเอง
แต่เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมายไม่สามารถนำ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2522 มาใช้บังคับได้ เพราะสุ่มเสี่ยงไปละเมิด ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น จนเกรงจะถูกผู้ประกอบการฟ้องร้อง จึงได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมหารือถึงการใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง
ด้านนายอดิพัฒน์ วรทรัพย์ สรรพากรจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงกรณีมีผู้ประกอบการร้องเรียนโรงแรมรีสอร์ตที่เขาค้อและภูทับเบิกจำนวนเกือบ 1,000 ราย ทำธุรกิจโดยไม่เสียภาษี พร้อมกล่าวหาเรื่องใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานว่า การทำงานก็ใช้มาตรฐานเดียว คงไม่มี 2 มาตรฐานอย่างที่มีผู้ประกอบการกล่าวอ้าง
นายอดิพัฒน์บอกว่า ผู้ประกอบการทุกราย หากรายได้ถึงเกณฑ์ก็ต้องเสียภาษี หากไม่เสียเราก็มีหน้าที่ต้องไปประเมิน และหากหลบเลี่ยงหรือเพิกเฉยก็มีโทษตามกฎหมาย ปัญหาเวลานี้ก็คือ กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ โดยที่ อ.เขาค้อมีเจ้าหน้าที่สรรพากรแค่ 3 คน ส่วนที่ อ.หล่มเก่าก็มีจำนวนพอๆ กัน แต่ต้องบริหารการจัดเก็บภาษีทุกตำบล ฉะนั้นทางจังหวัดจึงต้องจัดเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเสริมอีกแรง
นายอดิพัฒน์กล่าวว่า ส่วนผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจบนที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และจะมาใช้เป็นข้ออ้างไม่ต้องเสียภาษีไม่ได้ ตรงนี้เป็นคนละประเด็นกัน และไม่ถูกต้อง ทางสรรพากรต้องจัดเก็บภาษีตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ซึ่งมีหลักเกณฑ์ชัดเจนอยู่แล้ว การที่ผู้ประกอบการไปใช้ที่ดินผิดกฎหมายก็เป็นส่วนของการทำผิดกฎหมายที่ดินหรือป่าไม้จึงเป็นคนละส่วนกัน
สรรพากรจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวว่า ตามข้อมูลปัจจุบันโรงแรมรีสอร์ตในพื้นที่ อ.เขาค้อมีราว 383 รายที่อยู่ในฐานการจัดเก็บ ที่เป็นรายใหญ่จริงๆ และจดแวต มีไม่ถึง 20 ราย ส่วนที่ อ.หล่มเก่า มีผู้ประกอบการโรงแรมรีสอร์ตที่อยู่ในฐานจัดเก็บภาษีเดิมไม่ถึง 10 ราย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบตัวเลข เนื่องจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวเพิ่งจะบูม นอกจากนี้ ในการสำรวจใหม่เพิ่มเติมเชื่อว่าคงมีตัวเลขเพิ่มขึ้น
นายอดิพัฒน์กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือ การตามหาตัวผู้ประกอบการจริงๆ ให้ได้ก่อน เรื่องนี้มีโครงการที่จะส่งเจ้าหน้าที่ลงเดินสำรวจปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีและให้ผู้ประกอบการเข้ามาอยู่ในระบบให้มากที่สุด โดยจะเริ่มที่เขาค้อก่อน เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอที่จะไปทั้ง 2 แห่งในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ยังต้องประสานขอข้อมูลจากทางจังหวัดและส่วนราชการอื่นๆ อย่างเช่นทางโยธาฯ ซึ่งทราบว่าได้ลงพื้นที่สำรวจรีสอร์ตต่างๆ บนภูทับเบิกเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น