ระยอง-ผู้ว่าฯ ระยอง สั่งเรียกประชุมคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐจังหวัดระยอง นำข้อเรียกร้องของผู้นำเกษตรกรภาคตะวันออก และผู้นำ อปท.พื้นที่บ้านฉาง เพื่อใช้มาตรา 30 จัดที่ดินทำกินให้ราษฎรกว่า 2 หมื่นราย
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ห้องประชุมอุตรกิจพิจารณ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดระยอง ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง นายสินธ์ กีรตยาคม อดีตกำนันตำบลสำนักท้อน ประธานกลุ่มเกษตรกรภาคตะวันออก พร้อมด้วย นายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง นายไพโรจน์ เรืองธุรกิจ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง นายบรรเจิด จิตต์เจริญ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักท้อน นายสมพร เหลือล้น นายกเทศมนตรีตำบลพลา
นายทัศนัย ทองคต นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักท้อน นายวิรัตน์ คลองเพชร รองประธานสภาอบต.สำนักท้อน นายสุทธิ ที่หมาย สมาชิก อบต.สำนักท้อน นายเกษม ศรีกลับ ที่ปรึกษานายก อบต.สำนักท้อน นายวิรัตน์ ธนะไพบูลย์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ตำบลบ้านฉาง และนายสุทธา เหมสถล ประธานชุมชนบ้านพยูน อำเภอบ้านฉาง เข้าพบ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ขอให้คณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จังหวัดระยอง ประชุมคณะกรรมการฯ ขอให้ดำเนินการจัดที่ดินให้แก่ราษฎรตามมาตรา 30
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แก่ราษฎรที่ทำกินอยู่ในพื้นที่มากว่า 70 ปี ก่อนที่จะมีการประกาศเขตหวงห้าม โดยมี นายสุรพล ไพศาลศิลป์ ที่ดินจังหวัดระยอง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จังหวัดระยอง เข้าร่วมรับฟัง
นายสินธ์ กีรตยาคม อดีตกำนัน ตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง ประธานกลุ่มเกษตรกรภาคตะวันออก กล่าวว่า นายกเทศมนตรี นายก อบต. รองประธานสภา และที่ปรึกษานายกเทศมนตรีในเขตอำเภอบ้านฉาง ซึ่งเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนอำเภอบ้านฉางกว่า 20,000 ราย ที่ครอบครองที่ดินทำประโยชน์มากว่า 70 ปี ก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง พ.ศ.2492 (บางส่วน) ของกรมป่าไม้ เนื้อที่ประมาณ 42,750 ไร่เศษ
ต่อมา กรมป่าไม้มีความประสงค์ขอถอนสภาพที่ดินที่มีการหวงห้ามไว้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลสำนักท้อน จังหวัดระยอง พ.ศ.2492 (บางส่วน) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้วว่า กรมป่าไม้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินหวงห้ามที่จะดำเนินการถอนสภาพดังกล่าว และมีความเห็นว่าไม่ขัดข้อง และเห็นชอบให้ทำการถอนสภาพที่ดินหวงห้ามได้ และนำที่ดินที่ทำการถอนสภาพมาจัดให้ราษฎรทำกิน
นายสินธ์ กล่าวต่อไปว่า ครั้งแรก เลขานุการคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐจังหวัดระยองได้เสนอให้นำที่ดินดังกล่าวมาดำเนินการจัดที่ดินให้ประชาชนตามมาตรา 30 แห่งประมวลกฏหมายที่ดิน แต่เนื่องจากกรมที่ดินมีบุคลากร และงบประมาณไม่เพียงพอ จึงขอทบทวนให้นำที่ดินมาดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511
นายสุรพล ไพศาลศิลป์ ที่ดินจังหวัดระยอง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ กล่าวว่า การจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรตามกฎหมายที่ดินเมื่อออกใบจองมาแล้ว ไม่ใช่จะออกโฉนดแล้วโอนได้เลย ต้องใช้ระยะเวลานับ 10 ปี ถ้าจะมอบพื้นที่ให้นิคมสร้างตนเองไปดำเนินการน่าจะเร็วกว่า เมื่อได้ น.ส.3 ก็มาออกโฉนดได้สามารถโอนได้ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะเร็วกว่า
แต่เมื่อทางผู้นำชุมชนต้องการให้จัดที่ดินตามมาตรา 30 คณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐจังหวัดระยอง ก็จะเสนอให้ส่วนกลางพิจารณาควบคู่ไปด้วย ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอเบื้องต้นเท่านั้น เพราะการที่จะนำที่ดินมาจัดสรรให้ประชาชนได้ต้องเข้าคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณา
ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวสรุปให้คณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐจังหวัดระยอง เรียกประชุมพร้อมนำข้อเสนอ และเหตุผลของประธานกลุ่มเกษตรกรภาคตะวันออก และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอบ้านฉาง ให้ดำเนินการจัดที่ดินแก่ราษฎรตามมาตรา 30 ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ราษฎรมากกว่าเสนอให้ทางส่วนกลางพิจารณาควบคู่กันไปด้วย