เพชรบูรณ์ - เถ้าแก่รีสอร์ตเขาค้อ ขึ้นศาลากลางยื่นหนังสือจี้ผู้ว่าฯ สางปัญหาเขาค้อ-ภูทับเบิก แฉหมดเปลือกเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย-ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำปัญหาลาม รีสอร์ตเถื่อนเกลื่อนดอย พร้อมจี้สรรพากร เร่งเก็บภาษี-ปรับย้อนหลังให้ครบทุกบาททุกสตางค์ เผยพอยื่นเรื่องเจอมือมืดขู่ทันที
วันนี้ (3 พ.ย.) นายประสม ประคุณสุขใจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมาท์เท่นพาร์คสวิสเซอร์แลนด์ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อขอทราบแนวทางจัดการปัญหาและดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยปัญหาภูทับเบิกและเขาค้อ โดยมีนายกฤษณ์ คงเมือง รองผู้ว่าฯ รับเรื่องแทน
นายประสมกล่าวว่า ปัญหาของภูทับเบิก และเขาค้อ ซึ่งคล้ายคลึงกันนั้น สาเหตุล้วนเกิดจากการความละเลยของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติ ไม่เข้าจัดการแก้ไขตั้งแรกเริ่มแรกจนทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายแถมบางหน่วยของรัฐยังให้การสนับสนุนอีก
ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ 1 ใน 10 รายของ อ.เขาค้อ ที่ทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย ซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิพร้อมลงทุนประกอบธุรกิจตามกฎหมาย ยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์และขออนุญาตเปิดสถานประกอบการอย่างถูกต้อง ซึ่งผิดกับสถานประกอบการอื่นๆ ในเขาค้อ และภูทับเบิกอีกราว 1,000 แห่ง ที่ไม่ต้องจดทะเบียนทำธุรกิจและถือครองที่ดินไม่ถูกกฎหมาย จึงเหมือนถูกปฎิบัติแบบใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน
ทั้งนี้ นายประสมได้ระบุในหนังสือที่ยื่นรวม 8 ข้อ คือ 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณตัดถนนเข้าไปในเขตป่าสงวน จัดงบสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ ไม่ควบคุมอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ตามอำนาจหน้าที่ทั้งที่รู้ไม่ถูกต้อง
2. ทางอำเภอไม่ทำหน้าที่เชิญผู้ประกอบให้มายื่นขอใบอนุญาตเปิดโรงแรม หรือถ้ารู้ว่าไม่เข้าเกณฑ์ที่จะออกใบอนุญาตได้ หรือสถานการประกอบการไม่ถูกต้อง ทำไมจึงไม่ระงับตั้งแต่แรก
3. เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์ (เดิม) และกองทัพภาค 3 ที่รับผิดชอบพื้นที่ ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลการใช้พื้นที่ของราษฎร ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้พื้นที่ป่าสงวน
4. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สงเสริมสนับสนุนขยายเขตไฟฟ้าไปให้ผู้ประกอบการทั้งที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินเขตป่าสงวน
5. สรรพากรพื้นที่ ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษีรายได้แก่ผู้ประกอบการทุกประเภท ปล่อยปละละเว้นจนทำให้รัฐขาดรายได้รวมหลายพันล้านบาท
6. กรมป่าไม้ ใช้อำนาจใดในการขยายเวลารื้อถอนรีสอร์ตตามคำสั่งศาล 7. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อให้แก่ชาวเขา ที่มีวัตถุประสงค์นำไปสร้างรีสอร์ตแบบค้ำประกันกันเอง จึงเป็นการสนับสนุนให้เกิดการทำผิด และ 8. กรณีจังหวัดทำโครงการปลูกพญาเสือโคร่ง แต่ภายหลังมีบ้านพักรีสอร์ตผุดขึ้นรอบบริเวณ นอกจากนี้ยังมีถนนลาดยางและไฟฟ้าเข้าไปในที่ดินแปลงดังกล่าว
ท้ายหนังสือ นายประสมยังเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ใช้อำนาจหน้าที่ทางปกครอง คุ้มครองรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้งสิ่งแวดล้อมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ และให้เร่งจัดเก็บรายได้และผลประโยชน์ของชาติให้ครบถ้วน ย้อนหลังทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม พร้อมเอาผิดกับข้าราชการที่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจที่ปล่อยปละละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเอาผิดต่อผู้ให้การสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม และให้เรียกงบฯคืนจากผู้อนุมัติงบประมาณของรัฐ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ถูกต้องในการจัดการปัญหาที่หมักหมมคาราคาซังมานานแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังนายกฤษณ์รับหนังสือแล้วได้แจ้งว่าจะเร่งนำเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดฯให้โดยเร็ว
จากนั้นนายประสมยังได้เดินทางไปที่สำนักงานสรรพากรจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร และสรรพากรในพื้นที่ เรียกร้องให้เร่งจัดเก็บภาษีโรงแรมรีสอร์ต ร้านค้า อาคารที่เขาค้อ-ภูทับเบิกอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีนายอดิพัฒน์ วรทรัพย์ สรรพากรจังหวัดเพชรบูรณ์ รับหนังสือดังกล่าว
นายประสมบอกว่า เมื่อปี 2553 หลังมีเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจโรงแรมรีสอร์ตในเขต อ.เขาค้อ พบว่ามีเพียง 280 แห่ง จึงได้ทำบันทึกเสนอ กระทั่งมีการมอบหมายให้สรรพากรในพื้นที่จัดเก็บ แต่กลับถูกเพิกเฉย จนปัจจุบันมีโรงแรมรีสอร์ตผุดขึ้นเกือบ 1,000 แห่ง และจากการที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนพากันไปขยายกิจการบนภูทับเบิกกระทั่งทำให้รัฐต้องสูญเงินรายได้เป็นจำนวนมาก
นายประสมกล่าวย้ำว่า นอกจากการจัดเก็บภาษีแล้วต้องมีการเสียค่าปรับและจัดเก็บย้อนหลังด้วย พร้อมขู่ว่าหากยังเพิกเฉยก็จะฟ้องร้องเอาผิดในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายอดิพัฒน์กล่าวชี้แจงว่า ไม่ได้ละเลย แต่ทั้งหมดอยู่ในแผนที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนที่ภูทับเบิกขณะนี้กำลังมีการจัดระเบียบ ก็จะอาศัยช่องทางนี้ และขอความร่วมมือจากทางจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ระหว่างนายประสมชี้แจงถึงสาเหตุความจำเป็นที่ต้องออกมาขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวกับนายอดิพัฒน์นั้น นายประสมยังระบุด้วยว่า หลังออกมาจี้สรรพากรให้เร่งรัดการจัดเก็บภาษีโรงแรมรีสอร์ต ทั้งเขาค้อและภูทับเบิกก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนให้ระมัดระวังตัวโดยให้หาเสื้อเกราะมาใส่
นายประสม ระบุว่า รู้ว่าเป็นใคร และหากกลัวคงไม่ทำ จากนั้นยังชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ก็ได้ทำหนังสือแบบเดียวกันนี้ส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ออกหนังสือรับรองป่าที่หล่มเก่ากว่า 11 ตร.กม. ให้นายทุนใช้ประกอบเพื่อนำป่าข้างเคียงไปขายด้วย
นายประสม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ระยะเวลากว่า 10 ปีที่โรงแรมรีสอร์ตและร้านอาคารบนเขาค้อไม่ได้จ่ายภาษีให้กับรัฐ และปัญหานี้ยังลุกลามไปถึงภูทับเบิกอีก ในขณะที่ยอดการจัดเก็บภาษีที่เขาค้อก็ต่ำลงทุกปีตอนนี้ถือว่าต่ำมาก ทั้งที่มีรีสอร์ตเกือบ 1,000 แห่ง ส่วนรีสอร์ต จะถูกต้องหรือไม่นั้น ตามประมวลกฎหมายรัษฎากรก็ต้องเสียภาษีให้กับรัฐทั้งนั้น จึงมาฝากทางสรรพากรจังหวัดให้เร่งดำเนินการจัดเก็บภาษีให้ทั่วถึงเป็นธรรม หากปล่อยปละละเลยก็จะฟ้องสรรพากรฐานละเลยและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“การที่ พล.อ.ประยุทธ์(นายกรัฐมนตรี)บอกผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อเร็วๆนี้ว่าจะขึ้นภาษีอีก 1% เพื่อรัฐจะมีรายได้ไว้บริหารประเทศก็ยังลำบาก ผมว่าไม่จำเป็น แค่จัดเก็บภาษีให้ทั่วถึงก็เพียงพอแล้ว และยังจะได้มากกว่าด้วยซ้ำไป สำคัญต้องดำเนินการอย่างไม่ละเว้นและเฉียบขาดเข้มข้น”นายประสมกล่าว