ศูนย์ข่าวศรีราชา - หลายหน่วยงานเกี่ยวข้องในเมืองพัทยา ร่วมถกด่วนแก้ปัญหาร่มเตียงชายหาด หลังนายกรัฐมนตรี สั่งจัดการเด็ดขาดกรณีกระแสคลิปฉาว ล่าสุด ลงมติให้ยกเลิกประกอบการในพื้นที่ปัญหาแนวหาดวงศ์อมาตย์ถาวร พร้อมเตรียมประชุมร่วมหาแนวทางการป้องกันปัญหาอย่างยั่งยืน
วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง รวมถึงตัวแทนจากเมืองพัทยา ทหาร มทบ.14 และกรมเจ้าท่า ได้ลงพื้นที่จัดระเบียบร่มเตียงชายหาดวงศ์อมาตย์ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ผู้ประกอบการร่มเตียงยกเลิกการทำกิน และขนย้ายอุปกรณ์ร่มเตียงทั้งหมดออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2558 เนื่องจากว่าถือเป็นการบุกรุกที่สาธารณะ โดยจะใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวจัดทำเป็นที่สาธารณะเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.ศุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้ประชุมร่วมกับเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง สำนักงานเจ้าท่าพัทยา สภ.เมืองพัทยา และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมพิจารณาแนวทางการจัดระเบียบ และแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดอย่างถาวร โดยมีประเด็นหลักในการติดตามผลความคืบหน้าการจัดระเบียบพื้นที่ชายหาดพัทยา จอมเทียน และเกาะล้าน ที่ได้ดำเนินการไปแล้วเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
รวมทั้งยังพิจารณาแนวทางการจัดระเบียบผู้ประกอบการในพื้นที่อีก 3 แห่ง คือหาดวงศ์อมาตย์ โคซี่บีช และเขาพระตำหนัก ที่ยังไม่ดำเนินการจัดระเบียบในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งหาแนวทางความชัดเจนในการยกเลิกพื้นที่ทำกินบริเวณจุดปัญหาหน้าชายหาดวงศ์อมาตย์ หลังเกิดกระแสคลิปฉาวจนส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว
นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ชายหาดเมืองพัทยา จอมเทียน และเกาะล้าน หลังมีการจัดระเบียบอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเปิดพื้นที่สาธารณประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว และการหยุดกิจการในทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ที่ดำเนินการไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 พบว่า ปัจจุบันทั้ง 3 หาดมีสภาพสมบูรณ์ และสามารถใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องปราม และให้การจัดระเบียบเป็นไปอย่างสมบูรณ์สูงสุด จะมีคำสั่งในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและป้องกันปัญหาที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบในอนาคต โดยจะมีบทกำหนดโทษทั้งในส่วนของผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน และเจ้าหน้าที่ผ็ปฏิบัติที่ลงมาควบคุมกำกับดูแลด้วย ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวคงจะส่งผลให้ปัญหาบริเวณชายหาดทั้ง 3 แห่งหมดไปโดยเร็ว
“สำหรับกรณีที่ภาครัฐยังไม่ร่วมกันลงพื้นที่จัดระเบียบบริเวณชายดวงศ์อมาตย์ โคซี่บีช และเขาพระตำหนักนั้น จากนี้จะได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบสภาพพื้นที่โดยรวม ทั้งระยะทาง และจำนวนของผู้ประกอบการทั้งหมด รวมทั้งการกำหนดรูปแบบทำกินเป็นการเบื้องต้น ซึ่งจะมีอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.การจัดสรรพื้นที่ทำกินใหม่ด้วยการลดขนาดพื้นที่ทำกินเพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้แก่นักท่องเที่ยว และ 2. ยกเลิกการประกอบการทั้งหมด ก่อนจะเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความเห็นชอบ”
ขณะที่ในส่วนของพื้นที่บางส่วนของชายหาดวงศ์อมาตย์ ที่มีปัญหาในปัจจุบันนั้น รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย และกำชับให้มีการแก้ไขจัดการอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกรณีนี้พบว่ามีผู้ประกอบการที่รุกล้ำที่สาธารณะ จำนวน 4 ราย โดยกรณีนี้จะยังคงยืนยันตามมาตรการเดิมคือ ให้ยกเลิกการทำกินอย่างถาวรทั้งหมด ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนเมืองพัทยาในฐานะผู้ดูแลก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นายรณกิจ ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทุกขั้นตอนต้องมีความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวสูงสุด โดยผู้ประกอบการที่เดือดร้อนสามารถยื่นคำร้องต่อภาครัฐเพื่อพิจารณาการเยียวยาได้ และจะมีการประชุมร่วมผู้เกี่ยวข้องในส่วนของคณะกรรมการจัดระเบียบอีกครั้งภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อหาบทสรุปที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมต่อไป
