กำแพงเพชร - ผู้เสียหาย-ตำรวจหลายท้องที่จากทั่วทุกภาค แห่ประสาน สภ.คลองขลุง จองคิวดำเนินคดีทหารปลอมแก๊งขับรถเฉี่ยวชนแล้วตบทรัพย์ ยาวเป็นหางว่าว ขณะที่ตำรวจเร่งขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อ
วันนี้ (30 ต.ค.) พ.ต.ท.เฉลียว เที่ยงตรง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานสอบสวน สภ.คลองขลุง (รอง ผกก.สอบสวน) จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจคลองขลุง จับกุมนายประดิษฐ์ ดิษบรรจง อายุ 40 ปี ชาวบ้าน ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ที่อ้างตัวเป็นนายทหารยศ “ร้อยเอก” ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี ทะเบียน กช 1275 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนรถของ ร.ต.อ.ฤทัย และเรียกค่าเสียหาย 47,000 บาท แล้วพยายามเรียกเงินชดใช้จากคู่กรณี พร้อมกับพยายามจ่ายเงินขอเคลียร์หลังถูกจับนั้น
ล่าสุดผู้เสียหายมาแจ้งความ ว่า เคยถูกนายประดิษฐ์ กับพวกก่อเหตุตบทรัพย์มาแล้ว จำนวน 4 ราย และมีสถานีตำรวจ สภ.ต่างๆประสานมา รวม 11 สภ. ผู้เสียหาย 15 ราย ได้แก่ 1.สภ.เมือง จังหวัดตรัง 2.สภ.เมือง จังหวัดราชบุรี 3.จังหวัดสุพรรณบุรี 4.จังหวัดอยุธยา 5.จังหวดสระบุรี 6.สภ.พัทยา จังหวัดชลบุรี 7.สภ.บ้านไร่ สภ.หนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี 8.สภ.บ้านนา จังหวัดนครนายก 9.สภ.เมือง จังหวัดชุมพร 10.สภ.เมือง สภ.คลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร 11.สภ.เมือง จังหวัดเพชรบุรี
“ผู้เสียหายบางรายประสานมาว่า เหตุเกิดตั้งแต่ปี 53 นอกจากนี้ยังมีประชาชนโทรศัพท์มาสอบถามอีกเป็นจำนวนมาก”
พ.ต.ท.เฉลียว กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าของคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว และศาลได้ส่งผู้ต้องหาควบคุมในเรือนจำกลางกำแพงเพชร ส่วนพันเอกนิพันธ์ พราณพารา ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นหัวหน้านั้น ยังไม่แน่ชัดว่า ชื่อนามสกุลจริงหรือไม่ และยังไม่ไม่ข้อมูลยืนยันว่าเป็นทหารปลอมหรือจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ออกหาข่าวเบื้องลึกเพื่อสาวไปหาตัวผู้ร่วมก่อเหตุแล้ว
สำหรับ พฤติกรรมของผู้ต้องหาทหารปลอมรายนี้คือ จะขับรถตระเวนไปตามถนนที่เป็นทาง 2 เลน สวนทางกัน ถ้าพบเหยื่อส่วนใหญ่จะเลือกรถกระบะ เพราะเห็นเป็นชาวบ้านทั่วไป เมื่อสบโอกาสก็จะปล่อยให้รถเหยื่อแซงขึ้นไป จากนั้นก็เบียดชนแล้วลงมาเรียกค่าเสียหาย ซึ่งเหยื่อต่างเกรงกลัว เพราะแต่งเครื่องแบบทหาร และยังใช้คำพูดข่มขู่ว่า “ต้องชดใช้” ไม่เช่นนั้นต้องขึ้นศาลทหารและติดคุกทหารซึ่งหนักกว่าเรือนจำ ถ้าหากผู้เสียหายรายไหนจะเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูที่เกิดเหตุ ก็จะอ้างว่า ยุ่งยากมากเรื่องจะใหญ่กว่านี้ โดยเรียกค่าเสียหายรายละ 20,000 - 40,000 บาท
หลังสอบสวนแล้วนายประดิษฐ์ ให้การยอมรับสารภาพ แต่ไม่ยอมซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการที่ชื่อ พ.อ.นิพันธ์ พราณพารา โดยอ้างว่า อยู่กรุงเทพฯแต่ไม่ทราบที่อยู่ ติดต่อกันทางโทรศัพท์เท่านั้น ส่วนบัตรทำที่แถวเทเวศร์ 3 ใบ 50,000 บาท ตำรวจตั้งข้อหาคือ 1.กรรโชกทรัพย์ 2.ไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบ หรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน
ด้าน พ.ต.อ.ชัยชัช แจ่มจันทร์ ผกก.สภ.คลองขลุง ฝากถึงประชาชนที่เคยตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้นำรูปผู้ต้องหาตามสื่อต่างๆและหลักฐานในวันที่ประสบเหตุเข้าแจ้งความยังสถานีตำรวจในพื้นที่ได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรคลองขลุง เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะเดินทางมาไกลและเสียเวลาค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งสถานีตำรวจจะประสานการดำเนินคดีมายังเรือนจำกลางกำแพงเพชร
