ฉะเชิงเทรา-แก๊งตกทองออกอาละวาดเมืองแปดริ้ว ตุ๋นเปื่อยแม่เฒ่าวัย 68 ก่อนรู้ตัวหมดทองไป 2 สลึง พร้อมพระเครื่องเลี่ยมทอง 1 องค์ ขณะตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนรูปพรรณคนร้าย พร้อมเตรียมค้นหาพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อควานหาตัวแก๊งลวงโลกรายนี้ต่อไป
วันนี้ (29 ต.ค.) ร.ต.ท.ปภัสรา ปลั่งสมบัติ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เร่งทำการสอบสวนปากคำ นางขนิษฐา เดือนเด่น อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.4 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แม่เฒ่าเคราะห์ร้ายที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพตกทอง ลวงเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ไป เหตุเกิดที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ฉะเชิงเทรา สาขา 2 ริมถนนศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ที่ผ่านมา
โดย นางขนิษฐา เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นั่งรถโดยสารเดินทางจากบ้านเพื่อมาพบแพทย์ตามนัดหมาย ยังที่ รพ.พุทธโสธร (รพ.เมืองฉะเชิงเทรา) และเมื่อพบแพทย์เสร็จสิ้นแล้วในเวลาประมาณ 09.30 น. จึงได้เดินทางกลับด้วยรถประจำทางรอบเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อไปต่อรถกลับบ้านที่ อ.บางปะกง ยังที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ฉะเชิงเทรา
แต่ระหว่างทางขณะที่นั่งรถโดยสารไปนั้น ได้มีหญิงสาวอายุประมาณ 40 ปี ผิวขาวไว้ผมดัดลอนหยิกย้อมแดงประบ่า สูงประมาณ 155 ซม. สวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ได้เข้ามานั่งด้วยบนเบาะผู้โดยสาร และทำทีพูดจาชวนคุยตีสนิทด้วย หลังพูดคุยกันจนเริ่มคุ้นเคย หญิงสาวดังกล่าวได้ทำทีบอกว่าจะมาหาญาติ โดยจะเอาพระเครื่องเก่าแก่รุ่นสมเด็จฯ ของวัดดังในกรุงเทพฯ มาปล่อย แต่มาไม่เจอญาติ พร้อมกับหยิบพระเครื่องดังกล่าวขึ้นมาให้ดู โดยบอกว่า พระสมเด็จฯ รุ่นนี้คนที่เป็นทหารผ่านศึกเท่านั้นที่จะได้เอาไว้ ซึ่งราคาปัจจุบันในตลาดพระเครื่องอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท
ก่อนที่จะมีหญิงสาวอีกคนรูปร่างอ้วนท้วม ผิวคล้ำ ไว้ผมตรง สูงประมาณ 145 ซม. สวมเสื้อสีขาวกางเกงขายาวสีดำ ได้เดินขึ้นรถมาอีกคนจากบริเวณด้านหน้าวัดโสธรฯ และทำทีขึ้นมานั่งขนาบด้านข้างประกบบนเบาะที่นั่งรถเมล์โดยสารรอบเมืองฉะเชิงเทราอีกด้านหนึ่ง
ระหว่างนั้น ยังคงนั่งคุยกันต่อถึงเรื่องพระเครื่อง ก่อนที่หญิงสาวรายที่ 2 จะทำทีขอดูพระเครื่องสมเด็จฯ นี้ด้วย พร้อมกลับบอกว่า อยากได้เอาไว้แต่ไม่ได้เตรียมเงินติดตัวมา ก่อนที่จะทำทีโทรศัพท์ไปหาญาติ พร้อมบอกว่ามีญาติทำงานอยู่ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีฉะเชิงเทรา สาขา 2 ริมถนนศรีโสธรตัดใหม่
หลังหญิงรูปร่างท้วมวางหูโทรศัพท์ ได้บอกว่าญาติสนใจที่จะเช่าซื้อพระเครื่องสมเด็จฯ นี้เอาไว้ เพราะเป็นรุ่นหายาก ต้องเป็นคนที่เคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อนถึงจะได้เอาไว้ โดยบอกว่าจะให้ไปรออยู่ที่ร้านกาแฟสดแถวด้านหน้าห้างฯ ดังกล่าว
ขณะที่หญิงรายแรกซึ่งเป็นเจ้าของพระ ได้ทำทีสะกิดแอบบอกกับตนเองว่า รู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจหญิงสาวรายที่สอง จึงอยากชวนป้าไปเป็นเพื่อนด้วย และหากปล่อยพระ หรือจำหน่ายพระเครื่องออกไปได้แล้วจะแบ่งส่วนแบ่งให้ ก่อนที่จะชวนกันไปนั่งรอ และพูดคุยกันยังที่ร้านกาแฟที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าว หลังจากนั่งรอได้สักพักจึงมีผู้โทรศัพท์เข้ามาหาหญิงสาวรูปร่างท้วม โดยมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ทำทีตกลงกัน ก่อนที่จะวางสายไป พร้อมบอกว่า ทางญาติตกลงที่จะเช่าพระเครื่อง
โดยให้ราคา 2 ล้าน 5 แสนบาท และให้เอาพระเครื่องไปให้ยังที่ภายในร้านทอง ซึ่งอยู่ในห้างฯ โดยให้เดินไปหาหญิงสาวที่สวมเสื้อคอโปโลตาจระเข้สีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ ที่ยืนอยู่กับตำรวจที่ร้านทอง โดยหญิงผู้เป็นเจ้าของพระได้ขอร้องให้ตนซึ่งเป็นคนกลาง เป็นผู้นำพระเครื่องเดินเข้าไปยังที่ร้านทอง เพราะทั้งสองยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้เอาพระเข้าไป โดยจะขอทรัพย์สินจากตนเอาไว้เป็นหลักประกันสัก 2 แสนบาท ซึ่งตนเองนั้นก็บอกว่าไม่มีเงินสดติดตัวมามากถึง 2 แสนบาท มีแต่เพียงสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ที่ห้อยคอติดตัวอยู่เท่านั้น
หญิงสาวรายแรกได้ทำทีขอเอาไว้เป็นหลักประกัน พร้อมกับได้ขอเอาโทรศัพท์มือของตนเก็บไว้ด้วย ซึ่งขณะนั้นตนก็รู้สึกมึนๆ งงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังยอมที่จะถอดทรัพย์สินให้เขาไปแต่โดยดี
หลังจากที่ได้นำเอาพระเครื่องเดินเข้าไปยังภายในร้านทองแล้ว แต่ไม่พบกับหญิงสาวที่สวมเสื้อสีขาวตามที่หญิงรายที่สองได้บอกเอาไว้ และไม่พบกับตำรวจที่อยู่ประจำในร้านทองแต่อย่างใด จึงได้ถามกับทางร้านทองว่า ที่ห้างฯ แห่งนี้มีร้านทองจำนวนกี่ร้าน โดยคนในร้านทองบอกว่ามี 2 ร้าน คือ ที่ชั้นล่างแห่งนี้ คือ ร้านสุกิม 3 (หลาน) และร้านทองออโรร่า ที่ด้านบนชั้น 2 อีก 1 ร้านเท่านั้น และเมื่อเดินไปตามหาหญิงสาวสวมเสื้อสีขาวในร้านทองทั้งสองร้านแล้วไม่พบ จึงได้เอะใจพร้อมเดินกลับมายังที่ร้านกาแฟ และไม่พบกับหญิงสาวทั้ง 2 คนแล้ว
โดยที่ทางร้านกาแฟบอกว่า หลังจากที่ตนเดินเข้าไปยังในห้างฯ ได้ประมาณ 10 นาที หญิงสาวทั้ง 2 คนได้พากันเดินออกไปจากร้านกาแฟ ตามเส้นทาง ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ มุ่งหน้ายังถนนมหาจักรพรรดิ์ จึงได้รู้ว่าตนเองได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพต้มตุ๋นตกทอง หลอกเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ และโทรศัพท์มือถือไปแล้ว ก่อนที่ทางร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งติดอยู่กับร้านกาแฟจะโทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ ก่อนที่จะถูกนำตัวพายังโรงพัก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ในที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า จะพยายามติดตามค้นหาตัวค้นร้ายจากภาพตามกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุให้ ซึ่งเบื้องต้น จากการติดตามหาตัวคนร้ายไปตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีไปนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัว หรือกลุ่มคนร้ายแต่อย่างใด