เชียงราย/พะเยา - หลากหลายหน่วยงานในเชียงราย และพะเยา พร้อมใจจัดกิจกรรมรำลึกเนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ “สมเด็จย่า”
วันนี้ (21 ต.ค.) นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำข้าราชข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตัวแทนชาวไทยภูเขา ร่วมพิธีไหว้สาแม่ฟ้าหลวง เนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าวันที่ 21 ต.ค. ครบรอบปีที่ 115 ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้นำกล่าวถวายราชสดุดีและถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะ จากนั้นคุณหญิงพวงร้อย ดิสกุล ณ อยุธยา, พล.อ.แป้ง มาลากุล, ดร.ฤกษ์ สยามานนท์ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำข้าราชบริพาร ข้าราชการและพสกนิกรร่วมถวายสักการะและพานพุ่มตามลำดับ เพื่อถวายความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรโดยเฉพาะชาว จ.เชียงราย ที่ทรงเข้าพัฒนาพื้นที่จนทำให้ จ.เชียงราย มีความเจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบัน
เนื่องในโอกาสเดียวกัน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) และมหาวิทยายาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยใน จ.เชียงราย ได้จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยทาง มรช.จัดพิธีถวายราชสักการะหน้าพระราชานุสาวรีย์ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย
ขณะที่ มฟล.จัดพิธีถวายสักการะหน้าพระราชานุสาวรีย์ภายใน มฟล. รวมทั้งจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ “ตามรอยสมเด็จย่า 20 เราไม่เคยลืม” ขึ้น รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี มฟล. และศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ธงทอง จันทรางศุ ร่วมบรรยายพิเศษ
ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ธงทอง ระบุว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย มีที่มาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดว่าจะกลายเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต โดยมีพระญาติดั้งเดิมที่ตามสืบเสาะได้น้อยมาก แต่ได้ทรงบำเพ็ญความดีจนกระทั่งเมื่อคราวสวรรคตมีประชาชนไปถวายสักการะพระบรมศพมากกว่า 3 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่เกิดจากการสั่งสมความดีที่พิสูจน์ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน ผ่านเหตุการณ์การใช้ชีวิตการเรียนวิชาพยาบาลที่สหรัฐอเมริกา การเลี้ยงดูพระราชโอรสและพระราชธิดาตามลำพัง ผ่านเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยในปี 2475 จนต้องย้ายไปประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ต่อมาจึงถึงยุครัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ตามลำดับ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่ว่าเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีเพื่อจะได้ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ และ “เชียงราย” ก็นับว่าเป็นบ้านหลังที่สองของพระองค์ ที่ทรงใหความสำคัญมากกว่าที่อื่นๆ โดยทรงสร้างพระตำหนักดอยตุงและพัฒนาโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อเกิด มฟล.ในเวลาต่อมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ปรากฏให้เห็นถึงผลดีที่สังคมไทยได้รับ และเป็นหลักฐานของความใส่ใจของพระองค์ที่มีต่อเชียงราย ที่ทั้งคนในยุคนั้นและคนรุ่นใหม่สามารถทราบได้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ทั้งนี้ทรงมีพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมายเกินกว่าจะบรรยายได้หมด
วันเดียวกัน เทศบาลนครเชียงรายก็จัดให้ชาว จ.เชียงราย ได้ร่วมกันปั่นจักรยานน้อมรำลึก “สมเด็จย่า” ไปตามเส้นทางพื้นที่ ต.ริมกก และ ต.แม่ยาว อง.เมือง เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนที่นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย จะนำพสกนิกรประกอบพิธีทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า ณ บริเวณอาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปีฯ
ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ก็นำข้าราชการ, ทหาร, ตำรวจ, นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดพะเยา ประกอบพิธีถวายพานพุ่มสักการะหน้าพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ประจำปี 2558 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย พร้อมทั้งร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 70,000 ตัวลงสู่กว๊านพะเยา และในวันนี้ทางจังหวัดฯ ได้เปิดพระตำหนักกว๊านพะเยาซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ประชาชนทั่วไปเข้าชมด้วย
