ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจภูธรภาค 4 คุมผู้ต้องหาแก๊งสกิมเมอร์บัตรเอทีเอ็ม ธ.ไทยพาณิชย์ ที่ขอนแก่น 2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 2 คนหลบหนีไปประเทศมาเลเซีย พร้อมเร่งล่าประสานตำรวจมาเลเซียตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว
วันนี้ (20 ต.ค. 58) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม หรือแก๊งสกิมเมอร์ หลังถูกตำรวจสืบสวนภาค 4 จับกุมตัวได้แล้ว 2 คน คือ นายสมชาย วัฒนแสนสุข อายุ 24 ปี เป็นชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายอึง ก๊อก ฮอย อายุ 46 ปี ชาวมาเลเซีย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิเพื่อใช้เบิกเงินสด และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม
โดยตำรวจสืบทราบว่า นายอึง ก๊อก ฮอย และนายสมชาย ได้ร่วมกับนางพุทธมาศ ยาใจ และนางชบา ศรีชาติ ที่กำลังหลบหนี ใช้รถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ขร 7435 เชียงใหม่ ออกตระเวนแอบติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บนถนนศรีจันทร์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยนำเครื่องคัดลอกนำข้อมูลไปทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ธนาคารไทยพาณิชย์ แล้วไปกดเงินผู้เสียหายออกมา จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คนที่ตำบลสบป่อง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คนที่กำลังหลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเชีย
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงศ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ผู้ต้องหาขบวนการนี้มีด้วยกัน 4 คน ใช้รถยนต์ตระเวนแอบติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ที่ตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ภาคอีสาน ได้ลงมือก่อเหตุที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งข้อมูลบัตรเอทีเอ็มที่ได้จากการสกิมเมอร์ผู้ต้องหาจะนำข้อมูลบางส่วนไปกดเอาเงินสดเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย
ขณะที่ข้อมูลอีกส่วนจะนำไปขายเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นตำรวจได้อายัดเงินในบัญชีของผู้ต้องหาไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่กำลังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ได้ประสานไปยังตำรวจมาเลเซียแล้ว คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวมาขยายผลและดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้
จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายอึง ก๊อก ฮอย และนายสมชาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณโรงแรมริมบึงหนองโคตร โรงแรมหลังสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ที่ลงมือติดตั้งเครื่องโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม พร้อมทั้งชี้จุดที่ตู้เอทีเอ็มภายในสถานีบริการน้ำมัน ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
