กองปราบปรามรวบแก๊งสกิมเมอร์ชาวยูเครน ดูดข้อมูลเจ้าของบัตรในสหรัฐฯ ใส่ลงในบัตรปลอม แล้วบินมากดเงินในเมืองไทย แบงก์ไทยพาณิชย์พบตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มผิดสังเกต แจ้งเจ้าหน้าที่วางแผนจับกุมได้ในโรงแรมย่านลาดกระบัง
วันนี้ ( 17 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.รัฐพงศ์ แก้วยอด สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วย นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวจับกุม นายรัสแทม มามีดอฟ อายุ 25 ปี นายยูริ ลาสกี อายุ 30 ปี นายวลาดิสลาฟ อิชเชนโก อายุ 29 ปี และ นายวลาดิเมียร์ คูดายเบอเยฟ อายุ 25 ปี ทั้งหมดสัญชาติยูเครน ถูกจับกุมได้ที่โรงแรมบีเอส เรสซิเดนท์ ซอยลาดกระบัง 30/4 แขวงและเขตลาดกระบัง กทม. พร้อมของกลาง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม 30 ใบ บันทึกรหัสบัตรเอทีเอ็ม 2 แผ่น เงินสด 9,500 บาท ธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ 300 ดอลลาร์ และหนังสือเดินทาง 4 เล่ม
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ประสานข้อมูลมายังชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ว่า พบกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติ นำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ตระเวนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในพื้นที่ย่านถนนลาดกระบัง - อ่อนนุช โดยพบว่าข้อมูลถูกขโมยมาจากผู้เสียหายในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มพื้นที่ต่างๆ มาตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า กลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติทั้งหมดสัญชาติยูเครน มีด้วยกัน 4 คน ได้เข้ามาพักอาศัยที่โรงแรมบีเอส เรสซิเดนท์ จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมดเป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างๆ ไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 130,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเสียหายจากกรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากสามารถสร้างความเสียหายได้มากถึง 10 ล้านบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันใช้และมีไว้ใช้ซึ่งบัตรอีเล็กทรอนิกส์ปลอมในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังจากนั้น ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาเดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนจะลงมือก่อเหตุ โดยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมดังกล่าวมีการใช้ข้อมูลของผู้เสียหายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เครื่องสกิมเมอร์คัดลอกข้อมูลต่างๆ ลงในบัตรปลอม จากนั้นจึงนำมาใช้กดเงินสด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ว่า มีผู้ใดร่วมขบวนการอีกหรือไม่ นอกจากนี้ก็จะประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศ