อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจเข้มร้านขายประทัด-ดอกไม้ไฟ หลังพบมีเด็กได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัดแล้ว 4 ราย งัดมาตรการห้ามขายประทัด ดอกไม้ไฟแรงอัดสูงและมีเปลวไฟเกินกฎหมายกำหนด มุ่งลดผู้บาดเจ็บช่วงเทศกาลออกพรรษาปีนี้
วันนี้ (20 ต.ค.) นายสรชาย ครองยุทธ ปลัดรักษาการนายอำเภอเมืองอุบลราชธานี พร้อม พ.อ.มงกุฎ แก้วพรม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 22 รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด และดอกไม้เพลิง เพื่อลดอันตรายแก่ผู้เล่นประทัดในช่วงเทศกาลออกพรรษาประจำปี 2558
นายสรชาย ครองยุทธ ปลัดรักษาการนายอำเภอเมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงยื่นขอใบอนุญาตจำหน่ายในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานีกว่า 40 แห่ง จึงต้องตรวจสอบถึงการจัดเก็บรักษาอยู่ในที่ปลอดภัย และได้ปฏิบัติตามที่ยื่นขออนุญาตหรือไม่
ผลตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าแต่ละร้านมีประทัดและดอกไม้เพลิงไว้ในครอบครองตามที่ยื่นขออนุญาตไว้ คือ เป็นประทัดที่มีเสียงและแรงอัดระเบิดไม่ดังและไม่เป็นอันตรายต่อผู้นำไปเล่น ส่วนดอกไม้ไฟบรรจุเชื้อเพลิงเผาไหม้ไม่รุนแรง
ส่วนแผงลอยที่ไม่ได้รับอนุญาตยังไม่พบ เพราะส่วนใหญ่จะนำมาขายในช่วงวันออกพรรษา จึงได้กำชับร้านที่เป็นตัวแทนขายส่งประทัดและดอกไม้ไฟ แจ้งแก่เจ้าของแผงลอยที่มาซื้อไปขายต่อ ต้องแจ้งขออนุญาตก่อนไม่เช่นนั้นจะถูกจับกุมดำเนินคดี และห้ามนำประทัดที่ไม่อนุญาตมาจำหน่ายเพราะผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ในวันที่ 27 ต.ค. เจ้าหน้าที่จะตรวจเข้มบริเวณสวนสาธารณะต่างๆ ที่จัดงานลอยกระทง ซึ่งเป็นพื้นที่ขายประทัดและดอกไม้ไฟจำนวนมาก
ด้านสถิติผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัดและดอกไม้ไฟช่วงระหว่างเทศกาลออกพรรษาวันที่ 1-8 ต.ค. 57 จังหวัดอุบลราชธานี มีเยาวชนอายุระหว่าง 9-14 ปี 6 ราย ส่วนปี 58 ตั้งแต่วันที่ 1-18 ตุลาคม 4 ราย ประกอบด้วย อ.พิบูลมังสาหาร วารินชำราบ อำเภอละ 1 ราย ส่วน อ.กุดข้าวปุ้น 2 ราย โดยเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 10-15 ปี ซึ่งปีนี้ยังมีสถิติผู้บาดเจ็บน้อย เพราะยังไม่ถึงวันออกพรรษาที่จะมีการเล่นประทัดดอกไม้ไฟสูงมาก
ด้านข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บจากการจุดประทัด ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการเล่นประทัด ถูกเปลว หรือสะเก็ดดอกไม้ไฟหรือพลุ จากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 28 แห่ง ระหว่างเดือนตุลาคมถึงช่วงเทศกาลออกพรรษาปี 2551-2555 ทั้งสิ้น 2,979 ราย เฉลี่ยปีละ 596 ราย หรือวันละเกือบ 2 ราย กลุ่มอายุที่พบมาก คือ เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 10-14 ปี ช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุด คือ 16.00-20.00 น. และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี