ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สังคมออนไลน์เชียงใหม่แห่ทวงคืน “ลานข่วงท่าแพ” โวยโดนยึดให้เช่าตั้งแผงขายของทั้งปีทั้งชาติ แถมบางครั้งยังให้เปิดลานเบียร์ทำลายวัฒนธรรม บดบังทัศนียภาพแลนด์มาร์กสำคัญทางการท่องเที่ยวของเมือง นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพากันเงิบเป็นแถว
วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คนในสังคมออนไลน์เชียงใหม่กำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ “ลานข่วงประตูท่าแพ” ที่ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญกลางเมืองเชียงใหม่ หลังมีการตั้งกระทู้ “กู้ศักดิ์ศรีเชียงใหม่คืนพื้นที่ลานข่วงท่าแพ” ในเฟซบุ๊ก “Raks Mae Ping” เพื่อถามหาความรับผิดชอบจากเทศบาลนครเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่ข่วงประตูท่าแพ แต่กลับปล่อยให้มีการจัดแต่กิจกรรมขายสินค้า อีกทั้งในบางโอกาสได้มีการตั้งเป็นลานเบียร์ ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ที่มีมายาวนาน
เนื่องจากช่วงเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา “ข่วงประตูท่าแพ” ถือเป็นอีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ที่แวะเวียนกันเข้าไปถ่ายรูป หรือทำกิจกรรมต่างๆ
โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น-แชร์ต่อๆ กันไปอย่างมากมาย เช่น เอะอะขายของตลอดเลยคะ, กิจกรรมดีๆ เช่นการแสดงงานศิลปะ การแสดงพื้นบ้าน การแสดงร่วมสมัย หรือดนตรี (ทุกแนว) น่าจะมีมากกว่านี้ นี่ทุกอย่าง ทุกวาระจะมีงานขายของหน้าเดิมๆ แฝงอยู่เสมอ, ควรอนุรักษ์ไว้ให้สวยงาม มีระเบียบเรียบร้อย เป็นสมบัติของชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม, วันนี้พาคนกรุงเทพฯ มาแอ่ว เขาอยากถ่ายรูปกับป้ายท่าแพ แต่พอไปถึง..ผมนี่เงิบเลย ร้าน เวที บังความงามไปหมด ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมอนุรักษ์ลานข่วงท่าแพ เพื่อเก็บไว้ให้เยาวชน หรือนักท่องเที่ยวที่เข้าในจังหวัดเชียงใหม่ได้ชื่นชม และซึมซับกับวัฒนธรรม ความสวยงามของกำแพงท่าแพที่มีมานาน อาทิ “ควรเป็นที่จัดอะไรที่เป็นความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่ เช่น ประวัติเมืองเชียงใหม่ในอดีต การเกิดประตูต่างๆ รอบเมือง น่าจะมีความรู้มากกว่าที่จะกลายเป็นที่ขายอาหาร ขายของ เสร็จแล้วก็มีแต่ขยะสกปรก ไม่รับผิดชอบ ควรปรับเปลี่ยนแนวความคิดได้แล้วครับ”
ทั้งนี้ มีการระบุด้วยว่า เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว ประตูท่าแพเป็นหัวใจของเชียงใหม่ ตั้งแต่ต้นปีมานี้บนลานข่วงท่าแพมีการขายของกันบ่อยมากจนบดบังทัศนียภาพนักท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าประตูท่าแพอยู่ไหน เพราะตั้งใจจะมาถ่ายรูปกัน
พร้อมกันนั้นมีการแสดงความเห็นเรียกร้องอีกว่า “ต้องทำมาตรฐานเหมือน “กำแพงเพชร” ให้ได้ ไม่ได้ยากอะไร ก็แค่ “เลิก” รับเงินรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากร้านค้า / ผมทราบดีว่ากรณีของกำแพงเพชรนั้นเป็นมรดกโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะนำมาตรฐานมาใช้กับสิ่งที่เป็นหน้าตาของเชียงใหม่ไม่ได้นี่ครับ” หรือบางคอมเมนต์ก็ระบุว่า “น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วประเทศไหนๆ เขาไม่มีขายของในบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ขอให้จัดการให้ได้ด้วยเถอะ”
และยังมีอีกหลายความคิดเห็นที่ตั้งข้อสงสัยกับเรื่องการมาจัดงานในแต่ละครั้งว่ามีการเก็บค่าเช่าที่อย่างไร และเมื่อเก็บค่าเช่าไปแล้วนำไปสร้างประโยชน์เพื่อชาวเชียงใหม่อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีเสียงบ่นจากพ่อค้าแม่ค้าจากไนท์บาซาร์ ที่ต่างบอกว่า ขายของไม่ได้ เพราะเจอทั้งตลาดนัดตัดราคาของที่ขาย และผู้จัดงานต่างๆ มีการเรียกเก็บค่าเช่าแผงที่แพง จะเข้าไปเรียกร้องกับศูนย์ดำรงธรรมก็กลัวที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตรวจสอบ
“เคยคิดจะไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ความรึเปล่ากลัวพวกเดียวกันเมืองไทยอะไรก็พึ่งไม่ได้ อยากรู้ว่าเงินที่เก็บค่าเช่าแผงต่อวัน วันละเป็นพันเอาไปไวัไหน ตรวจสอบได้ไหมเอาพัฒนาจังหวัดอะไรบ้างอยากรู้จัง” ผู้ที่เป็นแม่ค้าไนท์บาซาร์ รายหนึ่งระบุ
