สกลนคร - หนุ่มเมืองสกลนครวัย 20 ปีรักคุด แฟนสาวบอกเลิกตามง้อไม่ได้ผล น้อยใจผูกคอตายประชดรักคาห้องนอน
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (8 ต.ค. 58) ร.ต.ท.บุญลำ วงค์วันดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ได้รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตายในบ้านพัก เหตุเกิดที่บ้านมะขามป้อม ต.ธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 เจ้าหน้าที่ VR อาสาตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเมตตาธรรมสกลนคร เจ้าหน้าที่กู้ภัย สภ.ตาดโตน เจ้าหน้าที่กู้ภัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง ภายในห้องนอนพบศพนายดนุพล แก้วดี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.5 ต.ธาตุนาเวง อ.เมืองสกลนคร สภาพผู้ตายไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงขาสั้นสีดำ ใช้สายไฟสีดำผูกคอตัวเองติดกับขื่อเพดาน โดยญาติได้นำศพลงมานอนที่เตียงนอนภายในห้องนอนของผู้ตาย
จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบแต่เพียงตู้ลำโพงไม้คว่ำอยู่ที่พื้น คาดว่าผู้ตายใช้เป็นอุปกรณ์ยืนขึ้นไปผูกผ้ากับขื่อ และคาดว่าเสียชีวิตมากว่า 6 ชม. จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี แฟนสาวของผู้ตาย ทราบว่า ได้คบหาเป็นแฟนกับผู้ตายมาได้ประมาณ 1 ปีเศษ ครั้งแรกก็ไปกันได้ด้วยดี โดยแฟนหนุ่มได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนครได้ไม่นาน จากนั้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาตนได้กลับมาเยี่ยมผู้ตายหลังจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ นาน 1 ปี และได้บอกกับผู้ตายว่าอยากกลับไปอยู่ที่บ้านตนเองที่ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.สกลนคร แต่ผู้ตายไม่ยอมและขอให้ตนอยู่ที่บ้านของผู้ตายต่อไป
จากนั้นก็มีปากเสียงกันแล้ว น.ส.เอก็ได้ขนข้าวของกลับบ้าน จนกระทั่งวันเกิดเหตุผู้ตายได้โทรศัพท์เคลียร์ปัญหาความรักและขอให้ตนกลับมาบ้าน แต่ น.ส.เอไม่ยอมกลับและได้บอกเลิกแต่ผู้ตายไม่ยอมยังคงวนเวียนมางอนง้อขอให้ความรักกลับมาเหมือนเดิม แต่ตนไม่ยอมคืนดี เชื่อว่าผู้ตายน้อยใจเลยใช้สายไฟผูกคอตายประชดที่ห้องนอนตนเอง
ด้านนายอี๊ด แก้วดี บิดาผู้ตาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าอยากตายอยู่ในห้องนอนตามปกติ ตอนช่วงบ่ายยังเห็นนั่งเล่นเกมโทรศัพท์ หลังจากนั้นผู้ตายก็เข้าห้องนอนเงียบหายไป จนกระทั่งญาติๆ รู้สึกผิดสังเกตเข้าไปเรียก เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบผูกคอตาย และพบบันทึกจำนวนมากที่เขียนในสมุด จึงแจ้งตำรวจดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และทางญาติไม่ติดใจประเด็นอื่น จึงได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป