พิษณุโลก - พบพระสงฆ์เมาปลิ้นคาผ้าเหลืองในสถานีรถไฟ เจ้าหน้าที่กู้ภัยรวบตัวส่งคณะพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ตรวจสอบเจอเป็นพระปลอม เคยถูกจับสึกฐานเมา-บิณฑบาตนอกเขตมาแล้ว แต่กลับมาบวชเองหลายครั้ง สุดท้ายเจอข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลกได้รับแจ้งจากวัดเขื่อนขันธ์ คณะพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ เมื่อหัวค่ำวานนี้ (7 ต.ค.) ว่า ได้ควบคุมพระสงฆ์ อายุ 61 ปี ซึ่งอยู่ในสภาพเมาสุรา ตรวจสอบพบว่ามีเอกสารถ่ายเป็นสำเนาเอาไว้ โดยใบสุทธิระบุชื่อพระสมปอง ฉายา สีลธโร สังกัดวัดหนองขริ้น ต.หนองยาว อ.เมืองสระบุรี อุปสมบท เมื่อปี 2551 ชื่อเดิมนายสมปอง รักญาติ ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 882 ม.12 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีพระเมาเหล้าอยู่ภายในสถานีรถไฟพิษณุโลก จึงนำตัวไปส่งคณะพระวิยาธิการ ที่วัดเขื่อนขันธ์ เพื่อตรวจสอบหลักฐานและสังกัด ปรากฏว่าทางพระวินยาธิการระบุว่าเคยถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งตลอดเวลาพระสมปองเอะอะโวยวาย อ้างว่าไม่ได้ดื่มเหล้า แต่รับสารภาพว่าได้ดื่มเครื่องบำรุงร่างกายชนิดหนึ่ง ซึ่งที่สลากระบุมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
พระมหาฐานะวะ คมฺภีรเวที ( รัศมี ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า พระสมปองเคยถูกจับกุมขณะไปเปิดห้องพักอยู่ภายในศูนย์ขนส่งโดยสารพิษณุโลก และมีอาการคล้ายคนเมา จึงนำตัวไปเป่าแอลกอฮอล์ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ปรากฏว่ามีแอลกอฮลล์กว่า 200 มิลลิกรัม ทางคณะพระวินยาธิการได้ทำการจับสึกมาแล้ว
หลังจากนั้นอีกไม่นานได้แอบกลับมาบวชเองอีก และได้ออกเรี่ยไรรอรับบิณฑบาตที่ตลาดสดในตัวเมืองพิษณุโลก ทางคณะพระวินยาธิการได้สะกดรอยตามไป พบว่าจำอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก จึงได้เข้าจับกุมพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแจ้งว่าบิณฑบาตนอกเขต และไม่มีหลักฐานในการบวช จึงได้ทำการสึกอีกครั้ง
พระมหาฐานะวะ คมฺภีรเวที กล่าวว่า จากการตรวจสอบหลักฐานของพระสมปองเป็นหลักฐานปลอม และเอกสารเดิมทางพระวินยาธิการได้ยึดเอาไว้แล้ว เพราะใบสุทธิหน้าที่ 22 ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของพระสงฆ์ ที่จะบันทึกว่าพ้นจากการสังกัดวัดแล้ว ถูกฉีกหายไป
สำหรับการกระทำผิดครั้งนี้ ทางคณะพระวินยาธิการได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับพระสมปอง ในข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายต่อไป
