ชัยนาท - ชาวบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอของชัยนาท และอีก 1 อำเภอในนครสวรรค์ รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมชัยนาท ถูกหลอกซื้อรถป้ายแดงราคาถูก สูญเงินกว่า 15 ล้านบาท
วันนี้ (7 ต.ค.) ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สรรคบุรี และ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท และ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จำนวน 11 ราย ได้เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท หลังถูก 2 สามีภรรยา คือ น.ส.สุภาวดี เนียมทอง อายุ 30 ปี และนายสมศักดิ์ เพ็ชรแพ อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 8 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ร่วมกันอ้างตัวว่าสามารถจองซื้อรถยนต์ป้ายแดงได้ในราคาพิเศษเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ จากราคาเต็มของรถ และไม่ต้องเสียภาษี โดยอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน และรู้จักคุ้นเคยกันดี ต่างหลงเชื่อจองซื้อรถราคาแพง และโอนเงินให้แก่สามีภรรยาคู่นี้ไปคนละหลายแสนบาท แต่ไม่ได้รถยนต์กลับมา สูญเงินรวมกันจำนวนกว่า 15 ล้านบาท
ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่า พฤติการณ์ของ น.ส.สุภาวดี จะบอกต่อผู้เสียหายว่า ได้สิทธิซื้อรถในราคาพิเศษจากบริษัทที่เธอทำงาน แต่จะต้องชำระเงินเข้าบัญชี และจองซื้อในนามของเธอเพื่อใช้สิทธิพนักงานของเธอ ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักคุ้นเคยกับ น.ส.สุภาวดี เป็นอย่างดี เห็นว่าซื้อรถยนต์ได้ถูก และก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยซื้อรถกับ น.ส.สุภาวดี ในราคา 60 เปอร์เซ็นต์มาแล้ว และก็ได้รับรถยนต์ป้ายแดงไปจริง จึงหลงเชื่อจองซื้อรถตามๆ กัน ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งซื้อรถยนต์ที่มีราคาแพงตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป โดยโอนเงินค่ารถยนต์เข้าบัญชี น.ส.สุภาวดี หรือบัญชีของนายสมศักดิ์ แล้วนัดรับรถภายใน 3 เดือน แต่เมื่อครบกำหนดรับรถ ทั้งสองกลับบ่ายเบี่ยงไม่พาไปรับรถที่ศูนย์จำหน่าย จึงได้รวมกลุ่มกันมาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท
โดย พ.ต.อ.ชูชาติ โสภา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท และนายกมล ปานไม้ หัวหน้าชุดปฏิบัติการรับเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท ได้มารับเรื่องร้องเรียน และเรียกตัว น.ส.สุภาวดี และนายสมศักดิ์ มาสอบสวน เบื้องต้น ทั้งคู่อ้างว่าได้สิทธิพิเศษจากนายศักดิ์ชาย ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้หารถมาให้ในราคาเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาเต็ม แต่ตนจะบวกไปอีก 10 เปอร์เซ็นต์ และนำไปขายต่อ ทำมาประมาณ 2 ปี ขายรถไปแล้วได้รับรถจริงถึง 14 คัน แต่ตอนนี้ที่มีปัญหาเพราะนายสมศักดิ์ ขาดการติดต่อ
หลังรับเรื่องร้องเรียน พ.ต.อ.ชูชาติ โสภา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ได้ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรในท้องที่ของแต่ละคน เพื่อดำเนินคดีต่อ น.ส.สุภาวดี และนายสมศักดิ์ ตามกฎหมายต่อไป