สุรินทร์ - ชมรมพ่อค้าแม่ค้าตลาดชายแดนไทย-กัมพูชาช่องจอมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ สุรินทร์คนใหม่ วอนช่วยแก้ปัญหาผ่อนปรนกฎเหล็กการข้ามแดนของชาวกัมพูชาและคนต่างด้าวเข้ามาซื้อขายสินค้าในตลาดชายแดนช่องจอม รวมทั้งการลดหย่อนภาษีศุลกากรเพื่อส่งเสริมการค้าให้กลับมาคึกคักและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้และความมั่นคงตามนโยบายรัฐบาล
วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์คนใหม่ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมตลาดการค้าชายแดนช่องจอม หลังเดินทางมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ 3 วัน
โดยระหว่างที่นายสุรดิษฐ์ โพธิ์เงิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 332/1 บ้านด่าน ม.1 ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตัวแทนชมรมพ่อค้าแม่ค้าตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอม ได้เข้ายื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ผ่อนปรนคนค้าขายในเขตตลาดชายแดนช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อผู้ว่าฯ สุรินทร์คนใหม่ ระหว่างนำคณะหัวหน้าส่วนราชการเดินสำรวจตลาดการค้าชายแดนช่องจอมและเดินทางมาประชุมรับทราบผลการดำเนินงานต่างๆ ของหน่วยงานราชการในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กาบเชิง
โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ด้วยการที่ด่านช่องจอมเป็นด่านที่มีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าตามนโยบายเมืองคู่ขนานบ้านคู่มิตร ที่มีการไปมาหาสู่ ซื้อขายแลกเปลี่ยนจับจ่ายใช้สอย และเป็นด่านที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของ จ.สุรินทร์ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ชาวตลาดมีความหวังว่าจะได้รับอานิสงส์ในด้านบวก เช่น เพิ่มแรงซื้อเพิ่มยอดขาย ให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างมั่นคง และก้าวหน้า
แต่กลับได้รับผลกระทบในเชิงลบ เช่น การค้าขายซบเซา ยอดภาษีสูงขึ้น การจัดระเบียบที่เคร่งครัด แต่ยังขาดหน่วยงานที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือประชาสัมพันธ์ให้เกิดการค้าขายที่คึกคักเหมือนเดิม
ในการนี้จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้โปรดพิจารณาผ่อนปรนบริเวณด่านช่องจอม ดังนี้ 1. ช่วยผ่อนปรนให้ชาวกัมพูชาที่ไม่มีพาสปอร์ตหรือบอร์เดอร์พาส สามารถข้ามมาซื้อขายสินค้า โดยมาเช้า-เย็นกลับได้
2. ช่วยหามาตรการผ่อนปรน เรื่อง คนต่างด้าวที่มาค้าขาย ในบริเวณตลาดการค้าทั่วไปบริเวณด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถตรวจสอบได้
3. ช่วยลดหย่อนภาษีศุลกากร ในการนำสินค้าเข้าประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฐานรากตามนโยบายรัฐบาล
ทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ทางชมรมพ่อค้าแม่ค้าเชื่อว่าจะได้ประโยชน์อย่างมากและจะทำให้พ่อค้าประชาชนที่ทำมาหากินบริเวณด่านช่องจอมมีความมั่นคง สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวไม่เกิดปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ ต่อไป ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้รับหนังสือเพื่อนำไปพิจารณาและแก้ปัญหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2558 ที่ผ่านมาบรรดาตัวแทนชมรมพ่อค้าแม่ค้าตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์) เพื่อขอความอนุเคราะห์ในเรื่องดังกล่าวมาแล้วอีกด้วย
นายพัฒนา ชื่นยง ผู้จัดการตลาดการค้าชายแดนช่องจอม กล่าวว่า ลูกค้าที่มาซื้อของที่ตลาดช่องจอมมีทั้งคนไทยใน จ.สุรินทร์ และจังหวัดข้างเคียงที่รู้ดีว่าตลาดตรงนี้มีสินค้าหลากหลายที่ชาวกัมพูชานำมาขาย ช่วงนี้พ่อค้าคนไทยมีจำนวนลดลง เนื่องจากขายไม่ดี ต่างยกเลิกร้านไปหลายร้าน ส่วนพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชายังมีจำนวนเท่าเดิม ปัญหาที่ช่วงนี้ค้าขายลำบากเนื่องจากติดขัดในระเบียบกฎเกณฑ์ อยากบอกกล่าวให้ทางผู้หลักผู้ใหญ่ได้รับทราบถึงข้อกฎเกณฑ์ที่วางไว้ ขอผ่อนปรนให้ได้หรือไม่ ผ่อนปรนหรือผ่อนผันให้ได้ก็จะช่วยผ่อนคลายปัญหาได้ การค้าขายจะดีขึ้นกว่านี้
“ฝากเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวซื้อสินค้าที่ตลาดช่องจอม สินค้าที่นี่ราคาไม่แพง มีทั้งสินค้าทั่วไปและค้าพื้นเมืองของชาวกัมพูชา โดยตลาดเปิดการค้าขายทุกวันตั้งแต่เช้าถึงเย็นไม่มีวันหยุด เส้นทางสะดวกสบาย” นายพัฒนากล่าว
นายสุรดิษฐ์ โพธิ์เงิน ตัวแทนชมรมพ่อค้าแม่ค้าตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอม กล่าวว่า วันนี้ได้เป็นตัวแทนชาวตลาดการค้าชายแดนช่องจอมยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เรื่องขอความอนุเคราะห์ผ่อนปรนให้ชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาซื้อขายสินค้า เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องมาตรการผ่อนปรนคนต่างด้าว ที่ผ่านมาเมื่อ 2-3 ปี ก่อนหน้านี้ขายดีมีลูกค้าเยอะ ทุกวันนี้คนน้อยการค้าการขายเงียบทุกอย่าง วันนี้เป็นวันหยุดคนยังน้อย หากเป็นวันธรรมดาจะเงียบยิ่งกว่านี้ เหมือนกับเป็นตลาดร้างไปเลย
ตอนนี้เพื่อนพ่อค้าด้วยกันบางคนทั้งบ้านทั้งรถอยู่ที่ไฟแนนซ์หมด บ้างคนไม่มีเงินส่งงวดกำลังจะโดนยึดก็มี อยากร้องฝากให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์และทางรัฐบาลช่วย ให้ชาวกัมพูชาที่ไม่มีพาสปอร์ต หรือบอร์เดอร์พาส เข้ามาซื้อสินค้าได้ โดยมาเช้าเย็นกลับเหมือนเมื่อก่อน จ่าย 10 บาท หรือ 20 บาทก็มาเที่ยวซื้อสินค้าที่ตลาดได้ ซึ่งพ่อค้าของเราได้ช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการอยู่ว่ามาค้าขายหรือเข้ามาทำอะไรที่ไม่ดี เพื่อให้การค้าขายกลับมาคึกคักเหมือนเมื่อก่อน