ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หนุ่มชาวเขาเผ่าลีซอเกิดอาการประสาทกำเริบ คลุ้มคลั่งใช้มีดไล่ฟันเด็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่รอบๆ บ้านเสียชีวิตเกลื่อนบ้าน 5 ศพ หญิงชราเจ้าของบ้านบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.45 น. พ.ต.ท.สมบัติ กาละสุข พนักงานสอบสวน สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุมีเด็กถูกฆ่าตายภายในบ้านเลขที่ 250 หมู่ที่ 5 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบกลุ่มชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอาซาผะ สีวัวะ ชาวเขาเผ่าลีซอ อายุ 24 ปี ชาว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในบ้านที่เกิดเหตุพบร่างของเด็กชายและเด็กหญิงอายุระหว่าง 2-9 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่ภายใน-นอกบ้านรวม 4 ศพ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ศพ รวมเสียชีวิตอย่างอนาถถึง 5 ศพ
ประกอบด้วย ด.ช.วสันต์ แซ่หยิ่ง ด.ช.อาห่าว แซ่หยิ่ง ด.ช.ซิงจู แซ่หยิ่ง และ ด.ช.ห่าวซาง แซ่หยิ่ง ทั้งหมดเป็นเครือญาติกัน แต่ละศพมีสภาพถูกมีดฟันเข้าตามร่างกายหลายแห่งจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ เสียชีวิตจมกองเลือดอย่างน่าสยดสยอง
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายถูกนำตัวส่ง รพ.ไชยปราการไปก่อนหน้าแล้ว คือ ด.ช.ธีรวุฒิ เด่นวิภัยเลิศล้ำ และนางยี่กอ แซ่เจิ้น ทั้งคู่ถูกฟันที่ใบหน้า และตามลำตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดทราบว่า ด.ช.ธีรวุฒิทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตเป็นรายที่ 5
จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า นายอาซาผะมีอาการทางประสาท เคยเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.สวนปรุง อ.เมืองเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ในช่วงเกิดเหตุกลุ่มเด็กๆ ที่เสียชีวิตได้มาเล่นที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนางยี่กอ มารดาของ ด.ช.อาห่าว
ขณะที่เด็กๆ เล่นกันอยู่นั้นไม่มีผู้ใหญ่อยู่ในบ้านเลย และขณะกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ปรากฏว่านายอาซาผะ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเกิดอาการคลุ้มคลั่งเดินถือมีดอีโต้บุกเข้ามาไล่ฟันเด็กๆ จนเสียชีวิต กระทั่งนางยี่กอได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกนายอาซาผะไล่ฟันจนบาดเจ็บสาหัสไปอีกราย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุกลุ่มชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ได้มาช่วยกันรุมประชาทัณฑ์ และจับกุมตัวนายอาซาผะไว้ได้ ก่อนจะส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่านายอาซาผะน่าจะอาการทางประสาทกำเริบ เกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ฟันเด็กจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป