อุตรดิตถ์ - ชาวนาทองแสนขันแห่ถอนต้นข้าวทิ้ง หลังเจอฝนทิ้งช่วงยาวนานตั้งแต่กลางสิงหาฯ จนแห้งตายคาทุ่งเป็นบริเวณกว้าง นายอำเภอเผยทำเรื่องประกาศเขตภัยแล้งรอบ 2 แล้ว พบพืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 70 ล้านบาท จับตาปัญหาหนี้เสีย-คนฆ่าตัวตาย
วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 4 ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กว่า 100 คน ต้องพากันถอนต้นข้าวอายุราว 1 เดือนที่แห้งตายเป็นบริเวณกว้างเพราะฝนทิ้งช่วง โดยมีนายสมรักษ์ ยกน้อยวงษ์ นายอำเภอทองแสนขัน, นายบัญชา เบ็ญจมาลย์ เกษตรอำเภอทองแสนขัน และนายชาลี คำด้วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าคาย ลงพื้นที่ดูสภาพความเป็นจริงที่ร่วมถอนต้นข้าวดังกล่าวด้วย
นายสมรักษ์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาไม่มีฝนตกลงในพื้นที่ อ.ทองแสนขันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งทางอำเภอฯ ได้ทำเรื่องขอประกาศภัยพิบัติแล้งไปยังจังหวัดรอบสองตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือที่อยู่ในอำนาจของนายอำเภอ 500,000 บาทนั้นได้ใช้ช่วยเหลือภัยพิบัติแล้งตั้งแต่รอบแรกที่ผ่านมาแล้ว
นายสมรักษ์บอกว่า ขณะนี้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 49 หมู่บ้าน 2,223 ครัวเรือน 10,044 คน ขณะที่เกษตรอำเภอฯ ได้สำรวจความเสียหายพืชผลทางการเกษตรพบว่า ข้าวโพดเสียหาย 12,334 ไร่, นาข้าว 12,534 ไร่, อ้อย 875 ไร่ และมันสำปะหลัง 3,473 ไร่ รวมทั้งหมด 29,210 ไร่ ต้นทุนการผลิตเสียหายราว 70 ล้านบาท และจากการสำรวจที่จะต้องจ่ายชดเชยให้แก่เกษตรกรราว 32 ล้านบาท โดยจะเสนอไปยังกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ปีนี้นาข้าวที่เกษตรกรเพาะปลูกไว้ไม่ได้เก็บเกี่ยวอย่างแน่นอนแล้ว ปัญหาที่จะตามมาคือ ภาระหนี้สินที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน หนี้นอกระบบ บริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และมีความเสี่ยงสูงที่จะมีเกษตรกรที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้สิน และความเครียด”
ขณะเดียวกัน ผู้นำท้องถิ่นและท้องที่รายงานมาว่า มีชาวนาใน อ.ทองแสนขันทำการอพยพไปหางานทำที่กรุงเทพมหานครเพื่อหาเงินมาใช้หนี้และใช้จ่ายในครัวเรือนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าสู่ระบบนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการอัดฉีดเงินลงสู่รากหญ้าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่ในขณะนี้
