xs
xsm
sm
md
lg

รวบอดีตสาวแบงก์หลอกสลับบัตร ATM เหยื่อทั่วอีสานได้เงินกว่า 2 ล้าน เชื่อทำเป็นขบวนการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางเยาวรัตน์  วรรณศิริ หรือ ชัยวิเศษ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/ 1 หมู่ 16 ต.สีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ  อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รวบสาวแสบอดีตพนักงานแบงก์ใน จ.อุดรฯ ทำทีเข้าไปกดเงินที่ตู้ ATM แล้วแอบดูรหัสของคนอื่นที่กำลังกดเงิน แล้วอ้างบัตรตัวเองมีปัญหากดเงินไม่ได้ ขอดูบัตรผู้เสียหายแล้วแอบเปลี่ยนบัตรนำไปกดเงินแบงก์อื่น มีคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตกเป็นเหยื่อแล้วมากกว่า 20 ราย รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ด้านตำรวจเชื่อมีผัวที่เป็น ส.อบต.เอี่ยว มีลูกน้องร่วมแก๊งไม่น้อยกว่า 3 คน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เปิดแถลงข่าวจับกุม นางเยาวรัตน์ วรรณศิริ หรือชัยวิเศษ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/1 หมู่ 16 ต.สีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานีที่ จ.565/ 2552 ลงวันที่ 6 พ.ย.2552 กระทำผิดในข้อหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน

โดยมีของกลาง 25 รายการ เช่น 1.บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 20 ใบ 2.เงินสด 5,060 บาท 3.นาฬิกาเรือนทอง 1 เรือน 4.สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น และหนัก 1 บาท 1 เส้น 5.แหวนทองคำหนัก 2 สลึง 1 วง 6.พระเลี่ยมทอง 2 องค์ 7.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และอื่นๆ

การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ มีนางวารี ศรีวันแก้ว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 12 บ้านกุดปลาดุก ต.ชื่นชม อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม เป็นผู้เสียหาย และชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า ได้มีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์เป็นบัตรเอทีเอ็มในหลายจังหวัดในเขตความรับผิดชอบของ บช.ภ.4 และพื้นที่ บช.ภ.3 สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ

กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้รถยนต์ฟอร์ดสีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมทั้งตรวจสอบแผนประทุษกรรม และประวัติผู้ที่เคยก่อเหตุคดีลักษณะดังกล่าวจนทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นางเยาวรัตน์ ซึ่งเป็นอดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เคยกระทำความผิดในลักษณะนี้ และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำเมื่อเดือนมกราคม 2558

เจ้าหน้าที่จึงได้ออกสืบสวนติดตามจับกุม นางเยาวรัตน์ และสามารถจับกุมตัวได้ใน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้ นางเยาวรัตน์ กำลังตั้งครรถ์ได้ประมาณ 4 เดือน

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ คือ บัตรเอทีเอ็มจริง พร้อมกับกล่าวต่อว่า หลังจากพ้นโทษออกจากเรือนจำได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะทำทีเข้าไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ที่มีตู้กดเงินสด 2 ตู้ติดกัน แล้วแอบดูรหัสบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหาย ขณะกำลังกดเงิน จากนั้นทำทีว่าบัตรเอทีเอ็มของตัวเองมีปัญหากดเงินไม่ได้ ขอดูบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายจากนั้นก็จะสลับบัตรเอทีเอ็มยื่นบัตรของตัวเองให้

หลังจากนั้น จะนำบัตรของผู้เสียหายไปกดเงินสดในพื้นที่อื่น ซึ่งมีหลายจังหวัดในภาคอีสาน โดยได้ก่อเหตุดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง ได้เงินสดมาประมาณ 2 ล้านบาท เงินที่ได้มาจะนำไปใช้จ่ายๆ และส่วนหนึ่งนำไปใช้หนี้เงินกู้นอกระบบที่ต้องส่งรายวัน วันละพันบาทขึ้นไป

ด้าน พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 เปิดเผยว่า จากการสืบสวนขยายผลภายหลังจับกุม นางเยาวรัตน์ ซึ่งมีหมายจับของศาล จ.มหาสารคาม และหมายจับของศาล จ.ขอนแก่น หมายจับศาล จ.อุดรธานี ได้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัด โดยเฉพาะเขตพื้นที่ สภ.เมืองพล จ.ขอนแก่น มีผู้เสียหายที่สูญเงินรวมกันแล้วประมาณ 200,000 บาท สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้เงินไป 95,000 บาท สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้เงินไป 80,000 บาท สภ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ได้เงินไป 200,000 บาท สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ได้เงินไป 225,000 บาท สภ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ได้เงินไป 150,000 บาท สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้เงินไป 52,000 บาท สภ.เขมราช จ.อุบลราชธานี ได้เงินไป 140,000 บาท สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เงินไป 40,000 บาท และเขตพื้นที่อื่นๆ ในภาคอีสานอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

นางเยาวรัตน์ ยังยอมรับสารภาพว่า ตระเวนก่อเหตุแบบนี้คนเดียว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไม่เชื่อ โดยจะสืบสวนขยายผลจับกุมคนที่ร่วมขบวนการเพิ่ม เพราะเชื่อว่าในช่วงที่ นางเยาวรัตน์ก่อเหตุมีคนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่นๆ เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังคาดว่าสามีของนางเยาวรัตน์ ที่เป็นสมาชิก อบต.แห่งหนึ่งใน จ.บึงกาฬ น่าจะมีส่วนรู้เห็น และน่าจะมีลูกน้องร่วมในแก๊งไม่น้อยกว่า 3-4 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น