หนองคาย - ฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำในลำห้วยค้อ ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม กัดเซาะตลิ่งจนทำให้บ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าช่วยขนย้ายสิ่งของและรื้อตัวบ้านส่วนที่เสียหายออก ขณะที่น้ำป่าจากป่าพานพร้าว-แก้งไก่ ยังไหลลงน้ำตกธารทอง เจ้าหน้าที่คุมเข้มห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด
จากการที่จังหวัดหนองคายมีฝนตกหนักต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน โดยเฉพาะในเขตอำเภอสังคม จนทำให้น้ำในลำห้วยต่างๆ มีปริมาณสูงขึ้น ส่งผลให้กัดเซาะตลิ่งจนได้รับความเสียหายหลายจุด ลำห้วยค้อ ในเขตเทศบาลตำบลสังคม ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ปริมาณน้ำสูงขึ้นจนกัดเซาะตลิ่ง
จนทำให้บ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่ริมลำห้วยพังเสียหายจำนวน 2 หลัง คือ บ้านของนางรัศมี ศรีหาวงษ์ เลขที่ 60 หมู่ 4 ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม และบ้านของนายฟูม ก้านกิ่งคำ เลขที่ 87 หมู่ 4 ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม ที่อยู่ติดกัน โดยตลิ่งได้เริ่มพังตั้งแต่เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.)
กระทั่งเวลา 03.00 น.ของวันนี้ (23 ก.ย.) ตัวบ้านทั้ง 2 หลังได้เริ่มพังไปตามตลิ่ง เจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลสังคม, นรข., เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ อส.ได้เข้าไปช่วยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย และช่วยกันรื้อบ้านที่กำลังพังเพื่อนำเอาวัสดุที่ใช้ได้ไปทำประโยชน์ต่อไป
นายฟูม และนางตัน ก้านกิ่งคำ เจ้าของบ้านบอกว่า บ้านเริ่มร้าวตั้งแต่เมื่อวานนี้ และประมาณ 03.00 น.ก็พังลง ตนอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่า 40 ปียังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่าน้ำป่าจากป่าพานพร้าวแก้งไก่ในเขตอำเภอสังคม ยังคงไหลลงในลำห้วยธารทองซึ่งเป็นธารน้ำของน้ำตกธารทอง ตำบลผาตั้ง จนทำให้น้ำตกธารทองมีน้ำขุ่นข้นและไหลเชี่ยวกราก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า นค.2 สังคม ต้องจัดเวรยามคุมเข้มไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด
**ห้ามลงเล่นน้ำตกธารทอง
นอกจากน้ำป่าจะไหลเข้าลำห้วยธารทองแล้ว กระแสน้ำยังซัดต้นไม้ที่อยู่ในลำห้วยและตามริมตลิ่งโค่นล้มเป็นจำนวนมาก รวมถึงทำให้ถนนสายบ้านผาตั้ง-วัดผาตากเสื้อ ตำบลผาตั้ง จนได้รับความเสียหาย เป็นระยะทางประมาณ 20 เมตร และยังพัดรั้วกั้นถนนจนหลุดลงไปในลำห้วยอีกด้วย มีดินสไลด์ตามเส้นทางในเขตอำเภอสังคมอีกหลายจุด
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า นค.2 สังคม บอกว่าน้ำป่าที่ไหลจากป่าพานพร้าว-แก้งไก่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีปริมาณน้ำและความรุนแรงมากที่สุดซึ่งอาจจะเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำ ทำให้ไม่มีต้นไม้หนาแน่นพอที่จะน้ำซึมซับน้ำฝนที่ตกลงมาได้
