ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต “ไอ้เกม” ฆ่าข่มขืน “น้องแก้ม” บนขบวนรถไฟ

ประจวบคีรีขันธ์ - ศาลหัวหิน นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 คดีฆ่าข่มขืน “น้องแก้ม” บนขบวนรถไฟในวันนี้ ฝ่ายโจทก์ร่วมได้เดินทางมาถึงศาลหัวหินแล้ว โดยแม่ของผู้เสียหายไม่ได้เดินทางมาเนื่องจากอยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังผ่าตัด พร้อมระบุได้ยื่นหลักฐานขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ขณะที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เบิกตัวจำเลยมาถึงศาลเพื่อรอรับฟังคำพิพากษาแล้ว ล่าสุดศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ประหารชีวิต “วันชัย” ฆ่าข่มขืน “น้องแก้ม” บนรถไฟ

วันนี้ (14 ก.ย.) ศาลจังหวัดหัวหิน ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 คดีฆ่าข่มขืน ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือน้องแก้ม อายุ 13 ปี บนขบวนรถไฟสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1407/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ 1880/2557 ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 ศาลจังหวัดหัวหิน มีคำพิพากษาประหารชีวิต นายวันชัย แสงขาว พนักงานปูเตียงบนรถไฟขบวนเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ผู้ก่อเหตุกระทำชำเราน้องแก้ม ก่อนโยนศพทิ้งหน้าต่างรถไฟเมื่อคืนวันที่ 5 กรกฎาคม ต่อเนื่องวันที่ 6 กรกฎาคม 2557 เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดที่อุกอาจ โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม แม้จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ แต่ก็เพราะจำนนด้วยพยานหลักฐาน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ จึงพิพากษาลงโทษสถานหนักให้ประหารชีวิต

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายวันชัย บุนนาค ทนายโจทก์ร่วม พร้อมด้วยญาติของ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือน้องแก้ม อายุ 13 ปี ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดหัวหิน เพื่อรอรับฟังคำพิพากษา พร้อมระบุว่า ฝ่ายโจทก์ร่วมคือ ครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยื่นหนังสือให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้พิจารณาคดียืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษสถานหนัก

สำหรับในวันนี้มารดาของ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือน้องแก้ม อายุ 13 ปี ไม่ได้เดินทางมาด้วย เนื่องจากอยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังการผ่าตัดช็อกโกแลตซีส เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้สภาพจิตใจของครอบครัวดีขึ้นบ้างแต่ยังไม่ลืมเหตุการณ์เกิดขึ้น และยังคงทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือน้องแก้ม ประจำ

นอกจากนี้ ทางครอบครัวยังกล่าวอีกว่า ได้รับการชดเชยจากการรถไฟแห่งประเทศไทยมาแล้วประมาณ 8.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับค่าเยียวยาจากส่วนอื่น และค่าทำศพก็น่าจะรวมแล้วเกือบ 10 ล้านบาท แม้จะดูเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ไม่ไม่สามารถทดแทน หรือชดเชยความสูญเสียของครอบครัวได้

เมื่อเวลา 09.45 น. เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้นำตัวนายวันชัย แสงขาว หรือเกม จำเลยที่ 1 ซึ่งเรือนจำบางขวางได้เบิกตัวนำมาส่งที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยในวันนี้ นายวันชัย ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

ต่อมา เวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 นายชัยรัตน์ ชูแก้ว ผู้พิพากษารองหัวหน้าศาลจังหวัดหัวหินได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านพิพากษา โดยศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นายวันชัย แสงขาว จำเลยที่ 1 ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาประหารชีวิตของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่าสำนึกผิดแล้วเพื่อขอให้ศาลปรานีบรรเทาโทษ และลงโทษสถานเบานั้น คำสารภาพฟังไม่ขึ้นไม่จำเป็นต้องฟังคำรับสารภาพของจำเลย จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ คงให้ยืนโทษตามศาลชั้นต้น ตัดสินประหารชีวิต นายวันชัย แสงขาว จำเลยที่ 1 ซึ่งระหว่างที่ศาลอ่านคำพิพากษานานประมาณ 20 นาทีนั้น นายวันชัย แสงขาว ยังคงมีท่าที และสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา แม้ศาลจะอ่านคำพิพากษาจนจบแล้วก็ตาม

ภายหลังการพิพากษาเสร็จสิ้น นายวันชัย บุญนาค ทนายโจทก์ร่วม พร้อมด้วยญาติของน้องแก้ม ให้สัมภาษณ์ว่าทางญาติพอใจในคำตัดสินของศาล และทางญาติมีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นแล้ว และเชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยศาลได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งทางตน และญาติเพียงแต่ติดตามเท่านั้น

ทางด้าน นายสมเจตต์ อำนวยสวัสดิ์ หัวหน้าศาลอุทธรณ์ ภาค 7 กล่าวว่า จำเลยยังคงมีสิทธิที่จะยื่นฎีกาได้ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องดูประเด็นว่าจะมีการโต้แย้งในประเด็นใดบ้าง ก็จะแก้ฎีกาไป แต่ในส่วนของฎีกานั้นทางตนคงไม่ยื่น หากจำเลยที่ 1 เห็นว่า คำพิพากษาของศาลยังมีความไม่เหมาะสมก็สามารถยื่นฎีกาได้