เชียงราย - บริษัทที่ปรึกษาตระเวนเปิดเวทีแจงข้อมูลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย ก่อนสรุปผลเสนอจังหวัดฯ เดือนตุลาคมนี้ ย้ำทำเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเท่านั้น ขณะที่ชาวเชียงของรวมตัวใส่เสื้อเขียวสกรีนข้อความ “ไม่เอาโรงงานอุตฯ” เข้าร่วมด้วย ชี้อุตฯ เชิงนิเวศ “ไม่มีอยู่จริง”
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการว่าจ้างบริษัทปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เข้าศึกษาพื้นที่อำเภอชายแดน จ.เชียงราย เพื่อจัดทำร่างแผนแม่บทและแผนงานโครงการในระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-ตุลาคม 58 เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.เชียงราย ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป
ล่าสุดทางบริษัทได้เข้าจัดเวทีประชุมกลุ่มย่อยระดับตำบล ณ สำนักงานเทศบาล ต.บุญเรือง อ.เชียงของ เพื่อให้ข้อมูลและหารือกับภาคประชาชน กรณีจะมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวทางจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 400 คน ส่วนหนึ่งได้มีการสวมเสื้อเขียวพร้อมระบุข้อความ “ไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรม” ด้วย
นายจักรกริช ธรรมศิริ ที่ปรึกษาด้านการวางแผนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.เชียงราย และกรรมการบริหารของบริษัทฯ แจ้งว่า เวทีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำแผนแม่บท ซึ่งประชาชนทุกพื้นที่ในเขตพัฒนาสามารถนำเสนอความเห็นไปยังจังหวัดได้
แต่ยืนยันว่าในการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชียงรายจะจัดตั้งเป็นเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และอื่นๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในการพัฒนายังมีสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ เช่น การจ้างงาน ในกรณีที่จะมีการตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ฯลฯ
“อย่างมาเลเซียที่ใช้เวลาในการพัฒนาลักษณะนี้นานกว่า 18 ปี และคนมาเลเซียก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงอยากให้คนในพื้นที่ได้นำไปพิจารณา และเสนอว่าต้องการให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเป็นรูปแบบใด”
ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ องค์กรภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ กล่าวว่า ตนเห็นว่าอุตสาหกรรมเชิงนิเวศไม่มีอยู่จริง และเกรงว่าป่าชุมชนที่ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายรองรับการพัฒนาจะสูญสิ้นไป โดยเฉพาะป่าชุมชนบุญเรืองที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในลุ่มแม่น้ำอิง เป็นทั้งแก้มลิงดูดซับน้ำหลาก และคงความชุ่มชื้นในฤดูแล้ง รวมทั้งมีความหลากหลายทางระบบนิเวศวิทยาอย่างมาก
ดังนั้น สิ่งที่คณะทำงานขับเคลื่อนเพื่อจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะต้องดำเนินการคือ ต้องมีกระบวนการให้ประชาชนมีส่วนร่วม และกรณีของเวทีประชุมในครั้งนี้ก็เห็นได้ชัดว่าประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องการนิคมอุตสาหกรรม ส่วนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มีการนำเสนอนั้นเป็นเพียงการกำหนดสิทธิประโยชน์เพื่อผู้จะเข้าไปลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่สิทธิประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแล้วบริษัทปัญญาฯ ยังจะจัดเวทีในลักษณะนี้อีกหลายพื้นที่ทั้ง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ก่อนที่จะนำผลสรุปเสนอต่อทางจังหวัดต่อไป โดยแต่ละเวทีจะมีการนำเสนอสาระสำคัญของโครงการ เช่น ศักยภาพพื้นที่, ข้อจำกัด, การคัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ
