ตาก - ผบ.กกล.นเรศวร ประชุมเจ้าหน้าที่ก่อนเดินหน้าสำรวจทรัพย์สิน รังวัดที่ดินชายแดนแม่สอดทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตามนโยบายรัฐบาล คสช. แม้เจ้าของที่ดินรวมตัวค้านถึงหน้าห้องประชุม ย้ำกฎหมายบังคับใช้แล้วต้องทำ ระบุแจ้ง 3 ครั้ง ใครไม่นำสำรวจถือว่า “สละสิทธิรับการช่วยเหลือเยียวยา”
วันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.นพพร เรืองจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสำรวจรังวัดที่ดิน ทั้งพนักงานสำรวจที่ดิน เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแม่สอด ฯลฯ ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงถึงการสำรวจรังวัดพื้นที่บริเวณบ้านวังคะเคียน หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด เนื้อที่ 2,182 ไร่ ตามนโยบายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ประกาศใช้มาตรา 44 หรือ ม.44 เพื่อดำเนินการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก (แม่สอด-พบพระ-แม่ระมาด) และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นชาวบ้านจริงๆ ที่เป็นเจ้าของที่ดินดั้งเดิม จำนวน 97 ราย
ระหว่างการประชุมได้มีเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายสิบรายได้เข้ามายื่นหนังสือคัดค้านการเข้าไปรังวัดที่ดิน เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะได้รับการเยียวยาเป็นที่พอใจ ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร จึงได้เชิญชาวบ้านทั้งหมดรับฟังชี้แจงอีกครั้ง
พล.ต.นพพร อธิบายว่า การเข้าไปรังวัดก็เพื่อสำรวจพื้นที่ของแต่ละรายว่ามีจำนวนถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบเอกสารการครอบครอง รวมทั้งสำรวจทรัพย์สินในพื้นที่ทั้งบ้าน ต้นไม้ หรือพืชไร่ เพื่อจะนำข้อมูลทั้งหมดบันทึกลงในมัลติมีเดียนำส่งให้แก่รัฐบาลเพื่อทำการเยียวยาแต่ละรายอย่างถูกต้อง
แต่ปรากฏว่า กลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินยังยืนกรานไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรังวัด ทำให้ พล.ต.นพพร ต้องแจ้งชาวบ้านว่า หากยังขัดขืนก็จะต้องใช้กฎหมายบังคับ โดยมีมาตรการเพื่อให้คำสั่งมีผลบังคับใช้ คือ จะเรียกผู้ครอบครองที่ดินแต่ละรายนำเอกสารหลักฐานการครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 7-15 วัน หากการแจ้งเตือนแล้วยังเพิกเฉยจะส่งหมายเรียกอีกครั้ง หากคนไหนยังไม่มาจะถือว่าไม่พึงประสงค์ต่อที่ดิน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการรังวัด และจะไม่มีการเยียวยาใดๆ ทั้งสิ้น
“การรังวัดมันเป็นคำสั่งเป็นกฎหมายออกมาแล้วก็ต้องปฏิบัติ ชาวบ้านไม่ควรขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง”
ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้ชี้แจงยืนยันต่อชาวบ้านว่า เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากมีการขัดขวางก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนรายใดที่เจ้าหน้าที่เข้าไปแล้ว เจ้าของบ้านไม่นำชี้สำรวจทรัพย์สินก็ให้เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ แล้วมารายงานที่กองอำนวยการร่วมที่ อบต.ท่าสายลวด แล้วให้ อ.แม่สอด ทำหนังสือแจ้งให้ทราบ 3 ครั้ง หากยังไม่มานำชี้สำรวจถือว่าสละสิทธิที่จะขอรับการช่วยเหลือ และจะพิจารณาหามาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนรายที่ยินยอมก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจตามขั้นตอน จากนั้นจะรายงานข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง เช่น ค่าเยียวยาที่เหมาะสม การหาที่ทำกินแห่งใหม่ การให้สิทธิเช่าที่ราชพัสดุเพื่อประกอบอาชีพ หรือการคืนพื้นที่ทำกินบางส่วน โดยพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มเดินสำรวจแล้ว
