พิษณุโลก - ผบ.พล.ร.4 พร้อม พมจ.พิษณุโลก อัยการฝ่ายคดีพิเศษ เรียกผู้บริหาร ผอ.ศูนย์ นสพ.ตำรวจพลเมืองเข้าฟังคำชี้แจง ย้ำเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ให้ผู้เสียหายขึ้นโรงพักแจ้งความทุกท้องที่ กำชับเข้ม ผอ.ศูนย์ให้ร่วมมือก่อนตกเป็นผู้ต้องหาร่วม ระบุชัด “เอาเงินไปเท่าไหร่ ต้องคืนให้หมด”
วันนี้ (22 มิ.ย.) พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายนพรัตน์ นาคประเสริฐ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการภาค 6 ได้ร่วมประชุมเกี่ยวกับการดำเนินฌาปนกิจสงเคราะห์หนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ที่ห้องประชุมกองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก
โดยได้เชิญผู้บริหารหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง สมาชิกระดับ ผอ.ศูนย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน จ.พิษณุโลก เข้ารับฟังชี้แจงข้อกฎหมาย และการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
พล.ต.นพพรกล่าวว่า วันนี้ได้เรียกผู้อำนวยการศูนย์ของหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง เข้าชี้แจงให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน โดยยืนยันว่าการกระทำของหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองมิชอบด้วยกฎหมายในลักษณะฌาปนกิจสงเคราะห์ เข้าข่ายการหลอกลวงประชาชน พยายามเบี่ยงเบนเป็นการตั้งสวัสดิการ แต่สวัสดิการนั้นเป็นการให้เปล่า ไม่มีการเรียกเก็บเงินจากสมาชิก ยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ให้ประชาชนผู้เสียหายไปแจ้งความได้ที่โรงพักทุกแห่งใน จ.พิษณุโลก ส่วนจังหวัดอื่นก็ให้ไปแจ้งความในท้องที่นั้นได้ โดยจะกันเป็นพยาน รวมถึงผู้อำนวยการศูนย์ถ้ามาแจ้งความก็จะกันไว้เป็นพยานเช่นกัน แต่ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกแจ้งเป็นผู้ต้องหาร่วม
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ต้องแจ้งรายละเอียดดังนี้ 1. ใครเป็นผู้ชักชวนเข้ามา 2. รายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายเงินให้หนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง และ 3. ผู้อำนวยการศูนย์แต่ละแห่งได้หาสมาชิกมาทั้งหมดกี่คน เพื่อจะได้เชื่อมโยงขบวนการได้
“รับเงินสมาชิกไปเท่าไหร่ ต้องเอามาคืนทั้งหมดด้วย”
นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พมจ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตามที่ตัวแทนหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองเคยชี้แจงว่ากำลังได้รับอนุญาตจากส่วนกลางนั้นไม่จริง เพราะสอบถามไปแล้วทราบว่าไม่ได้มีการอนุญาต และเอกสารที่ส่งไปถูกตีคืนมาหมดแล้ว จากการโฆษณา 1 ศพ 1 ล้านนั้นไม่จริง สมาชิกทั้งประเทศไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน กรรมการหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองบางคนบอกได้เงินเดือนคนละ 400,000 บาท ก็ไม่รู้มีกรรมการกี่คน เป็นเรื่องกล่าวอ้างให้น่าเชื่อถือเท่านั้น ในตอนนี้มีสมาชิกผู้แจ้งลาออกมาแล้วร่วม 1,000 คน
ขณะที่ นายนพรัตน์ นาคประเสริฐ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการภาค 6 กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว การจัดเก็บเงินไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย กรณีที่ผู้บริหาร นสพ.อ้างว่าคืนเงินให้สมาชิกไม่ได้เพราะยังไม่ครบ 180 วัน หรือต้องลาออกก่อนใช้ไม่ได้ เป็นความเข้าใจผิด เพราะ นสพ.ทำผิดกฎหมายตั้งแต่แรก ขั้นตอนรับสมัครก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นสมาชิกไม่ต้องลาออก ถ้าแจ้งความก็สามารถรับเงินคืนได้ทุกราย
“นสพ.ตำรวจพลเมืองไม่สามารถแก้เงื่อนไขต่างๆ ให้ถูกต้องภายหลังได้ เพราะการกระทำนั้นมีผลไปแล้ว ส่วนจะไปแจ้งความกลับสมาชิกก็ทำไม่ได้เพราะสมาชิกเป็นตัวแทนของ นสพ.ตำรวจพลเมือง ผู้บริหารต้องรับผิดชอบทุกกรณี ส่วนการจ่ายเงินคืนต้องผ่านทางเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกขั้นตอน”
พ.ต.อ.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก แจ้งต่อที่ประชุมว่า กรณีเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ถ้าคนที่ไม่เกี่ยวข้องในการเก็บเงินสมาชิกเข้าสมาคมเดิมมารับหน้าเสื่อแทนเก็บเงินเองถือว่าทำผิดในมาตรา 34 เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง และหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองดำเนินการเก็บเงินเองทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายก็ผิดตามมาตรา 33 เงินทั้งหมดถือว่าได้มาโดยทุจริตมิชอบ ต้องนำเงินคืนให้ประชาชนทั้งหมด
นางลำพูล ธูปเทียน อายุ 79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ม.2 ต.บึงกอก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก หนึ่งในผู้อำนวยการศูนย์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นสมาชิกของหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองมาเกือบ 6 เดือนแล้ว โดยจ่ายเงินค่าสมัครเป็นผู้อำนวยการ และค่าสมัครเป็นสมาชิกรวม 21,500 บาท มีลูกข่าย 6 คน ซึ่งเป็นลูกหลานในครอบครัว เพราะหลงเชื่อว่าหากมีสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงินนับแสนบาท แต่พอมาวันนี้ได้รับฟังการชี้แจงก็จะขอลาออกจากการเป็นผู้อำนวยการศูนย์ และจะขอรับเงินคืน เพราะถือว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ใน จ.พิษณุโลกมีผู้หลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิก นสพ.ตำรวจพลเมืองกว่า 30,000 คน ถูกเก็บคนละ 1,500 บาท เป็นเงิน 45 ล้านบาท และอีกประมาณ 500 คน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ต้องจ่ายเพิ่มรายละ 20,000 บาท เป็นเงิน 10 ล้านบาท รวมเงินเข้าหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองเฉพาะใน จ.พิษณุโลกไม่ต่ำกว่า 55 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ต้องคืนเงินทั้งหมดให้แก่ประชาชน