xs
xsm
sm
md
lg

พิศวง! จนท.ยังมึนหาสาเหตุความร้อนลึกลับใต้อาคารวิทยาลัยนาฏศิลป์ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงใหม่ - เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบความร้อนใต้ดินบริเวณสำนักงานฝ่ายกิจการ นักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ เชียงใหม่ พบว่ายังมีความร้อนสูง สันนิษฐานน่าจะเป็นก๊าซที่เกิดจากการสะสมของสารอินทรีย์

วันนี้ (4 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กรมทรัพยกรธรณี, คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจสอบหาสาเหตุความร้อนใต้ผิวดินบริเวณใต้อาคารสำนักงานฝ่ายกิจการนักเรียนนักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป จังหวัดเชียงใหม่ หลังจาก 2-3 วันก่อน มีความร้อนสูงจนนักเรียนไม่สามารถนั่งในอาคารดังกล่าวได้

ทั้งนี้ พบว่ามีความร้อนผุดขึ้นมาจากใต้พื้นอาคาร ความกว้างประมาณ 1 ตารางเมตร และได้มีการขุดผิวดินลึกลงไปประมาณ 60 เซนติเมตรจะมีน้ำซึมออกมา และทำการวัดอุณหภูมิน้ำพบว่าสูงถึง 70 องศาเซลเซียส และนำไข่ไก่ไปต้มนานประมาณ 1 ชั่วโมงไข่เป็นยางมะตูม

นายชูชาติ บุญอาษา วิศวกรไฟฟ้าประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่ได้เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวแล้วยืนยันได้ว่าไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วในบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นอน ก่อนหน้านั้นทางวิทยาลัยฯได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้ามาทำการตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด และได้มีการตรวจสอบหลายวิธี แต่ก็ไม่พบสาเหตุและกระแสไฟฟ้าไม่ได้รั่ว พร้อมกับได้มีการดับกระแสไฟฟ้าในจุดดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว

นอกจากนั้น บริเวณลานพระพิฆเนศที่อยู่ห่างจากอาคารทางด้านทิศเหนือ บางจุดแผ่นกระเบื้องพื้น มีความร้อนเช่นเดียวกัน แต่ก็พบว่าอุณหภูมิเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ โดยน้ำในหลุมมีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียสส่วนพื้นในอาคาร อุณหภูมิจาก 58 องศาเซลเซียส ลดลงเหลือ 35 องศาเซลเซียส คาดว่าฝนตกทั้งคืนทำให้อุณหภูมิลดลง และขณะนี้ยังคงเช็กระบบไฟฟ้าภายในอย่างละเอียดอีกครั้ง

รองศาสตราจารย์ สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนได้ และไม่น่าจะใช่สายน้ำพุร้อนใต้พิภพซึ่งปกติจะอยู่ลึกใต้ผิวดินระยะความลึกไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร โดยวันนี้ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบหาค่าความเป็นกรดเป็นด่างเพื่อหาความผิดปกติ คงต้องรอผลอีกสักระยะหนึ่ง

“ตอนนี้ได้แต่ตั้งสมมติฐานไว้สองประเด็น ถ้าไม่ใช่กระแสไฟฟ้ารั่ว คาดว่าน่าจะเป็นก๊าซที่เกิดจากการสะสมของสารอินทรีย์ที่หมักหมกมาเป็นเวลานาน แต่ทั้งนี้ต้องมีการเจาะลงไปใต้ผิวดินเพื่อนำตัวอย่างขึ้นมาตรวจสอบ ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจหาสาเหตุจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง”












กำลังโหลดความคิดเห็น