ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- กลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชนโคราชเดือดร้อนหนัก ร้องรัฐบาลช่วยหลังถูกสรรพสามิตบีบให้ปิดกิจการเพิกถอนใบอนุญาตทำรายย่อยล้มตาย อ้างมีหอกลั่นสุราผิดแปลนที่ยื่นขออนุญาต ส่งผลขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวและชุมชน เผยรวมพลบุกร้อง “นายกฯ ประยุทธ์” 3 ก.ย.นี้ พร้อมฟ้องศาลปกครองเอาผิดหน่วยงานเกี่ยวข้องและให้การคุ้มครองชั่วคราววิสาหกิจชุมชน
วันนี้ (28 ส.ค.) นายสมคิด หอมเนตร ทนายความ พร้อมด้วยนางกรรณลิภา ดื่มพุดซา และนายธวัช สังข์สุข แกนนำกลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชนบ้านพุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และสมาชิกวิสาหกิจ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาให้การช่วยเหลือหลังเดือดร้อนจากการเพิกถอนใบอนุญาต
นางกรรณลิกา ดื่มพุดซา หนึ่งในแกนนำกลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชนบ้านพุดซา เปิดเผยว่า ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาได้รวมกลุ่มกันตั้งวิสาหกิจสุราชุมชนขึ้นและเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาคมสุราชุมชนแห่งประเทศไทย โดยใน จ.นครราชสีมา มีผู้ประกอบการผลิตสุรากลั่นชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตรวม 23 แห่ง จ่ายค่าอากรแสตมป์ให้แก่สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมาปีละกว่า 500 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจมานานร่วม 10 ปี เริ่มจากกิจการขนาดเล็กและพัฒนาปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง มีการจ้างแรงงานในพื้นที่ เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชนทำให้เศรษฐกิจระดับล่างมีกำลังซื้อ มีเงินจับจ่ายใช้สอย
แต่เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาทางสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมาได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสถานที่ผลิตสุรากลั่นชุมชนของผู้ประกอบการ และมีหนังสือแจ้งกลับมายังผู้ประกอบการเมื่อต้นเดือน ก.ค.อ้างว่าผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชนรวม 18 แห่ง สถานที่ทำสุราไม่เป็นไปตามแบบแปลนแผนผังที่ได้ยื่นพร้อมคำขออนุญาตก่อสร้างสถานที่ทำสุรา โดยได้มีการก่อสร้างหอกลั่นสุรา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลนแผนผังสถานที่ทำสุราโดยไม่ได้ยื่นขออนุญาตต่อสรรพสามิตพื้นที่ล่วงหน้าจึงจะทำการเพิกถอนใบอนุญาต
นางกรรณลิกากล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้ผู้ประกอบการสุราชุมชนไม่มั่นใจในการประกอบกิจการ บางรายชะลอการผลิตสุรากลั่นชุมชนทำให้ลูกจ้างและธุรกิจที่เป็นห่วงโซ่ เช่น คนล้างขวด คนงานพับลังเหล้า คนขายฝืน ขาดรายได้ส่งผลให้ทุกภาคส่วนเดือดร้อน ซึ่งการดำเนินการของภาครัฐทำเกินกว่าเหตุและทุกปีจะมีการขอต่อใบอนุญาต โดยในช่วงที่มีการก่อสร้างเจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่โต้แย้งหรือตักเตือนเลย
ทั้งที่การทำหอกลั่นก็เพื่อต้องการให้เหล้าที่กลั่นออกมามีความสะอาด ปลอดภัย และรสชาติดี เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคซึ่งใช้เงินลงทุนสูงมาก และหากภาครัฐเห็นว่าไม่ถูกต้องน่าจะมีการตักเตือนก่อน ไม่ใช่เพิกถอนใบอนุญาต เหมือนการรังแกผู้ประกอบการรายย่อยให้ล้มตายไปในที่สุด
นายสมคิด หอมเนตร ทนายความกลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชน กล่าวว่า ตนจะรวบรวมข้อมูลของผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินการของภาครัฐ จากนั้นจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้การช่วยเหลือ ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจสุรากลั่นชุมชนเกิดและเติบโต มาจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องการให้ประชาชนในชุมชุนต่างๆ ได้มีการผลิตสุราชุมชนขึ้นมาเพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยนัดหมายกันวันที่ 3 ก.ย.นี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล
“นอกจากนั้นจะยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อเอาผิดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้การคุ้มครองชั่วคราวกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้สามารถประกอบกิจการต่อไป มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเบื้องต้น” นายสมคิดกล่าว