ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา เผยก่อสร้างระบบระบายน้ำชายหาดคืบหน้า มั่นใจแล้วเสร็จต้น ธ.ค. เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังรองรับโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ขณะที่แผนการเสริมทรายพบปัญหา ส่งผลให้แผนการทำงานล่าช้า ระบุขาดแคลนแหล่งทราย
ดร.วีระวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำ ถนนชายหาดเมืองพัทยาว่ า การก่อสร้างบ่อพัก และท่อระบายน้ำเพื่อรองรับปัญหาน้ำหลากในช่วงฤดูฝน ที่มักมีปัญหาการไหลเอ่อล้นอย่างรุนแรงบริเวณถนนพัทยาสาย 1 จนส่งผลกระทบไปถึงสภาพภูมิทัศน์ชายหาด และการท่องเที่ยวนั้น
ตามแผนของโครงการจะมีการก่อสร้างรวม 3 จุด งบประมาณกว่า 192 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.การก่อสร้างและวาง Box Culvert ขนาด 3.00x5.80 เมตร ต่อเชื่อมบ่อรวบรวมน้ำ (CSO) ความยาวประมาณ 47 เมตร ใกล้สถานีสูบน้ำเสียพัทยาใต้
2.การก่อสร้างบ่อรวบรวมน้ำ (CSO) ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 11 เมตร ลึก 3.00 เมตร พร้อมต่อเชื่อม และวางท่อ HDPE ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร ลงใต้ท้องพื้นทะเลความยาวประมาณ 1,245 เมตร บริเวณตรงข้ามซอยพัทยา 6/1
3.การก่อสร้าง และวางท่อ HDPEขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร ความยาวประมาณ 200 เมตร บริเวณพัทยาเหนือ ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาเป็นจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่เมืองพัทยาในหลายจุดลดลง
ขณะที่ผลกระทบต่อโครงการเสริมทรายชายหาดก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยในส่วนของการก่อสร้างนั้นปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 70% เพียงแต่อาจติดปัญหาในส่วนของการก่อสร้างบริเวณซอย 6/1 ที่พบปัญหาสายไฟใต้ดิน และสายสื่อสารจำนวนมาก ทำให้ต้องหยุดชะงักไปและต้องปรับแบบจากเดิม แต่ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้
ดร.วีระวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา อยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า ซึ่งหลังจากที่ได้ติดตามความคืบหน้า ทราบว่า ขณะนี้พร้อมดำเนินงานแล้ว เหลือเพียงการหาแหล่งทรายที่จะนำมาเติมลงสู่ชายหาด ซึ่งใช้ทรายกว่า 4 แสน ลบ.ม. ระยะทาง 2.7 กม. ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาในการหาแหล่งทรายที่ตรงกับสเปกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ เนื่องจากเม็ดทรายที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันนั้น พบว่า อยู่ในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ แต่ทางกองทัพแจ้งว่า ไม่สามารถให้ทรายได้ จึงทำให้โครงการชะลอมานานแล้วกว่า 8 เดือน
โดยกรณีนี้ทางผู้รับเหมาจึงต้องหาแหล่งทรายใหม่ ซึ่งคาดว่าอาจจะใช้ทรายในทะเลที่ยังพอมีอยู่ ซึ่งคงจะทราบผลในเร็ววันนี้ ส่วนที่ว่าจะมีปัญหาเรื่องของงบประมาณหรือไม่ เนื่องจากโครงการชะลอเวลามานานนั้น กรมเจ้าท่าคงต้องชี้แจงสำนักงบประมาณต่อไป
