ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยเร่งตรวจสอบเก็บหลักฐานเพิ่มเติมรถเช่าที่คาดว่าใช้เคลื่อนย้ายศพคดีฆ่าสาวยัดกระเป๋าเดินทางเผาทิ้งกลางสวนลำไย เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาคดีนี้ หลังผลตรวจดีเอ็นเอ และประวัติการรักษาพยาบาลยืนยันตัวผู้ตายได้แล้ว พร้อมมีหลักฐานชี้ชัดไปตัวชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยที่เดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกัน ซึ่งล่าสุด ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพัทยา ในคดีฉ้อโกง และฆาตกรรมอีกคดีหนึ่ง
ความคืบหน้าคดีพบศพสาวถูกฆ่ายัดกระเป๋าเผาทิ้งในสวนลำไยพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น วันนี้ (24 ส.ค.) พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และเก็บหลักฐานต่างๆ ภายในรถยนต์ซูซูกิ แคริบเบียน ซึ่งเป็นรถเช่าที่ นายราชวัตร แก้วกรมรัตน์ อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดบึงกาฬ ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้เช่าไปใช้ระหว่างอยู่ที่เชียงใหม่ และคาดว่าอาจจะเป็นรถยนต์ที่ใช้เคลื่อนย้ายศพของ น.ส.ลลิตา โชคชัชวาลย์ อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดนครนายก ไปทิ้ง และเผาในจุดที่พบศพในอำเภอสารภี
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการตรวจดีเอ็นเอ และประวัติการทำฟัน รวมทั้งประวัติการรักษาพยาบาลเทียบกับศพหญิงสาวที่พบในคดีนี้ยืนยันแล้วว่า คือ น.ส.ลลิตา ขณะที่พยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด การเข้าพักโรงแรม และพยานบุคคลที่พบว่า นายราชวัตร และ น.ส.ลลิตา ได้เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ที่ทั้ง 2 คน นั่งรถทัวร์มาถึง และเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. กระทั่งขากลับปรากฏว่า นายราชวัตร เดินทางกลับเพียงคนเดียว ล้วนชี้ชัดว่า นายราชวัตร ผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้
โดยรถคันดังกล่าวนี้มีพยานระบุว่า นายราชวัตร ได้ไปเช่ามาขับ และขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไปด้วยเพียงลำพังโดยที่ไม่มีหญิงสาวไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด และเตรียมที่จะทำการออกหมายจับ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำนายราชวัตร ที่เวลานี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพัทยาในคดีฉ้อโกง และคดีฆ่าสาวนำศพไปเผาอำพรางที่จังหวัดระยอง ซึ่งเพิ่งก่อเหตุหลังจากที่เดินทางกลับไปจากจังหวัดเชียงใหม่