ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านโพธิ์ถึงกับอึ้ง หลังเจออำเภอทำหน้ายักษ์ ที่ไม่ยอมยิ้มใส่ประชาชน แค่แจ้งเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ทางราชการออกมาให้ผิดเพียงอักษรคำเดียว โดน จนท.เกรี้ยวกราด อ้างระเบียบ ต้องนำเอกสารมาประกอบจำนวนมาก ซึ่งไม่เหมาะสมต่อสโลแกนที่ติดไว้ที่ประตูว่า อำเภอยิ้ม “สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง เป็นธรรม ประทับใจ” อย่างสิ้นเชิง
วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ถึงการให้บริการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน ภายในที่ว่าการอำเภอบ้านโพธิ์ว่า มีพฤติกรรมที่ขัดแย้งต่อคำขวัญ หรือสโลแกนที่ได้มีการติดสติกเกอร์ไว้ยังที่ด้านหน้าประตูทางเข้าของที่ว่าการอำเภอว่า “อำเภอยิ้ม สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง เป็นธรรม ประทับใจ” อย่างสิ้นเชิง หลังจากได้เข้าไปใช้บริการแล้วไม่ได้รับความสะดวกตรงตามคำขวัญ หรือสโลแกนของอำเภอดังกล่าว
ชาวบ้านผู้ร้องเรียนระบุว่า ได้เข้าไปแจ้งขอเปลี่ยนแปลงลักษณะบ้าน ตามที่สำนักงานเคหะชุมชนฉะเชิงเทราได้ออกหนังสือรับรองว่า การดำเนินการก่อสร้างโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างบ้าน ซึ่งเป็นลักษณะของตึกแฝด 2 ชั้น จำนวน 660 หน่วย แต่ในทะเบียนบ้านที่ทางอำเภอบ้านโพธิ์ ออกให้มานั้นกลับระบุลักษณะบ้านว่าเป็นตึกเดี่ยว 2 ชั้น
ตนจึงได้เดินทางนำหนังสือรับรองพร้อมทะเบียนบ้านเข้าไปแจ้งขอทำการเปลี่ยนแปลงข้อความ จากคำว่า “ตึกเดี่ยว 2 ชั้น” เป็น”ตึกแฝด 2 ชั้น” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงคำผิดเพี้ยนเพียงคำเดียวในทะเบียนบ้าน แทนภรรยาซึ่งทำงานอยู่ต่างอำเภอ แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับไม่ยินยอมให้ทำธุรกรรมแทนกันได้ โดยอ้างถึงระเบียบของทางราชการ แม้ว่าผู้ร้องจะได้แสดงทะเบียนสมรส ว่าเป็นสามีภรรยากันจริงให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ทราบแล้วก็ตาม
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันอย่างเสียงแข็งหนักแน่นว่า จะต้องมีหนังสือรับมอบอำนาจมาแสดงเท่านั้นจึงจะสามารถทำการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหาตัวนี้ได้
จากนั้นผู้ร้องจึงได้กลับไปยังที่รถเพื่อค้นหาเอกสารเก่าที่เคยทำไว้ก่อนหน้า หลังจากเคยได้รับแจ้งจากทางสำนักงานการเคหะฯ ให้ไปทำการเปลี่ยนแปลงประเภทบ้านมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และได้นำหนังสือมอบอำนาจฉบับเก่าพร้อมด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้ง 2 คน ที่ได้เคยเตรียมการไว้ก่อนหน้า แต่ยังไม่มีเวลาเข้ามาแจ้งขอทำการเปลี่ยนแปลง มาแสดงต่อทางเจ้าหน้าที่รายเดิมอีกครั้ง
แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับอ้างว่า ต้องถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเซ็นรับรองสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงนามเป็นพยานมาแสดงด้วยพร้อมกัน จึงจะยินยอมดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำผิดคำดังกล่าวนี้ให้ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอรายนี้ สร้างความยุ่งยากลำบากให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ทั้งที่ต้นเหตุของปัญหาความผิดพลาดดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยเฉพาะผู้ที่ออกทะเบียนบ้านเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2551 ก็เป็นบุคคลคนเดียวกันกับปลัดอำเภอผู้เป็นนายทะเบียนคนปัจจุบัน คือ นางเสาวลักษณ์ ประสิทธิพานิช ซึ่งย่อมต้องเป็นผู้มีส่วนรับรู้ปัญหาดี และการขอแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนลักษณะบ้านดังกล่าวนี้ก็เป็นเพียงแค่ตัวอักษรพิมพ์ผิดเพียง คำอ่านคำเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีผลเสียหายต่อสวนรวมเป็นวงกว้าง หรือมีมูลค่าจำนวนมหาศาลเหมือนกับคดีการโอนหุ้นนับร้อยล้าน หรือคดีดังต่างๆ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
จึงมองว่า นายทะเบียนรายดังกล่าวนี้เป็นผู้ที่ไม่มีดุลพินิจ หรือวุฒิภาวะเพียงพอในการพิจารณาถึงความสำคัญของเอกสารในแต่ละประเภทนั้นว่ามีความสำคัญอย่างไร อีกทั้งการขอแจ้งเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ยังได้มีการออกหนังสือรับรองในการทำธุรกรรมมาจากหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง คือ การเคหะแห่งชาติ จึงสมควรที่จะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องมีการขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงเอกสารคำผิดดังกล่าวรวมทั้งสิ้น จำนวน 660 ราย ให้สามารถดำเนินการได้โดยสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น
จากพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ ผู้สื่อข่าวเคยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาแล้วหลายราย โดยเฉพาะประชาชนที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่รายใหม่ๆ ที่ต้องมีการแจ้งขอย้ายเข้าพื้นที่ หรือเปลี่ยนแปลงเอกสารกันอย่างต่อเนื่อง บ่อยครั้งนั้นมักไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งหากประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการยังที่ว่าการอำเภอแห่งนี้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวนั้น อาจต้องเสียเวลากลับไปเปลี่ยนแปลง หรือเตรียมเอกสารใหม่ที่อาจต้องใช้เวลาเดินทางหมดตลอดทั้งวัน และต้องกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น
เนื่องจากเขตพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ นั้น เป็นอำเภอห่างไกล โดยทางด้านทิศตะวันออกนั้นมีแนวเขตติดกับ อ.พนัสนิคม และ อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ทิศใต้ติดกับรอยต่อ 3 จังหวัด คือ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และใกล้กับแนวเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จึงทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และต้องการมาติดต่อราชการ และหากเกิดปัญหาในลักษณะนี้อาจจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
ที่สำคัญผู้ร้องเรียนรายนี้ต้องใช้เวลาในการติดต่อทำธุรกรรมดังกล่าวนี้เป็นเวลานานถึงกว่าครึ่งวัน ทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัว ขณะที่บนที่ว่าการอำเภอนั้นมีประชาชนมาติดต่อราชการน้อยมาก ซึ่งผู้ร้องเรียนได้คิวรายที่ 9 ขณะเดินทางเข้ามาติดต่อครั้งแรก และคิวที่ 10 ขณะที่กลับไปค้นเอกสารเก่าจากในรถ และกลับเข้ามาติดต่อใหม่อีกครั้งก่อนที่จะขับรถเดินทางกลับบ้านไปจัดเตรียมเอกสารมาติดต่อเป็นครั้งที่ 3 ในเวลา 11.53 น. เป็นคิวที่ 13 เท่านั้น