ราชบุรี - ชีวิตรันทดหัวอกแม่! จู่ๆ ลูกชายวัย 9 ขวบ ก็ล้มป่วยเป็นลมชักขณะกำลังตัดผม จนกลายเป็น “คนหูหนวก ตาบอด” ขณะที่แพทย์บอก “เป็นโรคสมัยใหม่” ไม่มีทางรักษานอกจากให้ยามากินที่บ้าน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเนื่องจากฐานะยากจน อาชีพเป็นแม่บ้านมีรายได้เดือนละ 3,000 บาทแ ต่ก็ต้องลาออกมาดูแลลูก ขณะที่ผู้เป็นพ่อก็ตกงาน ตัดสินใจอุ้มลูกเข้าพึ่งพระที่สำนักสงฆ์ เมืองราชบุรี ให้ประคองอาการ วอนคนใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหนูน้อยวัย 9 ขวบ ที่จู่ๆ เป็นลมชักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ไม่ดีขึ้น โดยแพทย์บอกว่า เป็นโรคสมัยใหม่ไม่มีทางรักษา นอกจากให้ยามากินที่บ้าน จนหนูน้อยตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ร่างกายอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อและแม่ได้นำตัวมาให้พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี เลขที่ 149 ม.2 ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ดูแลทำพิธีนอนในโลงศพเพื่อเยียวยาด้านจิตใจตามความเชื่ออยู่ภายในศาลาที่พักสงฆ์พรหมรังศรี เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่เข้าไปทำบุญอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณศาลาที่พักสงฆ์พรหมรังศรี พบร่าง ด.ช.พรชัย ธรรมสวัสดิ์ หรือน้องตะวัน อายุ 9 ขวบ 11 เดือน สวมเสื้อยืด ใส่ผ้าอ้อมเด็ก นั่งสายตาเหม่อลอย พูดจาเพ้อพร้อมร้องไห้เป็นระยะ โดยมี นางลัดดา โชติวิเชียร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/74 ม.4 ต.พงสวาย อ.เมืองราชบุรี ผู้เป็นแม่ และนายวันชัย ธรรมสวัสดิ์ อายุ 50 ปี ผู้เป็นพ่อคอยประคองร่างดูแลอยู่ไม่ห่าง เนื่องจากน้องตะวัน ร่างกายอ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
นางลัดดา โชติวิเชียร แม่ของน้องตะวัน เผยทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนมีลูกชายคนเดียวคือ ด.ช.พรชัย ตอนเกิดมาก็เป็นเด็กปกติไม่ได้มีอาการป่วยใดๆ เป็นเด็กน่ารักฉลาด พูดเก่ง กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนวัดอัมรินทราราม หรือวัดตาล ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ลูกชายได้ไปตัดผมที่ร้านแถวบ้านขณะที่กำลังนั่งรอก็เกิดอาการชักเกร็ง ตนจึงได้นำลูกส่งโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี โดยต้องเข้าห้องไอซียูนอนรักษาตัวอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ พอฟื้นขึ้นมาก็จำใครไม่ได้ ตาก็มองไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยินเสียง ร่างกายก็อ่อนแรง เดินหรือยืนเองไม่ค่อยได้
แพทย์ตรวจแล้วบอกว่า ลูกชายป่วยเป็นโรคสมัยใหม่ ไม่มีทางรักษา ให้เพียงยากลับมากินรักษาตัวที่บ้าน ต่อมาแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ได้ส่งตัวลูกชายของตนไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่แพทย์ก็เพียงตรวจแล้วลงความเห็นว่า ลูกชายสมองฝ่อแล้วให้กลับยามากิน ตนต้องเดินทางไปรับยามาให้ลูกชายกินทุกเดือนอาการของลูกชายก็ยังไม่ดีขึ้น ตนและนายวันชัย ผู้เป็นสามีไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อได้รับการแนะนำจากคนรู้จักว่าให้นำลูกชายมาให้พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี ช่วยรักษาด้วยการนำลูกชายนอนในโลงศพเข้าพิธีสวดมนต์ตามความเชื่อ ปรากฏว่า ลูกชายมีอาการดีขึ้น และสงบลง แม้จะยังมองไม่เห็น หรือได้ยินเสียงก็ตาม
นางลัดดา มารดาของ ด.ช.พรชัย หรือน้องตะวัน กล่าวต่ออีกว่า ตนมีอาชีพเป็นแม่บ้านมีรายได้เพียงเดือนละกว่า 3,000 บาท พอลูกชายล้มป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย ตนจึงต้องลาออกมาอาศัยอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้เพื่อคอยดูแลลูก ไม่มีรายได้อะไร ต้องหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ครั้งละกว่า 1,000 บาท จนกระทั่งไม่มีเงินแล้ว
ขณะที่ นายวัยชัย ผู้เป็นสามีก็มาตกงานเนื่องจากหมดสัญญาจ้าง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยิ่งลำบาก เพราะตน 2 คนก็ฐานะยากจน ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องพากันออกจากบ้านมาอาศัยอยู่ที่พักสงฆ์ โดยได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ และผู้ที่มาทำบุญที่วัดคอยบริจาคอาหาร และเงินค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ ซึ่งตนก็หวังเพียงจะมีผู้ใจบุญช่วยเหลือให้ลูกชายได้รับการดูแลจนหายเป็นปกติ และกลับมาเรียนหนังสือได้เหมือนเดิมเท่านั้น
ทางด้านพระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี กล่าวว่า เมื่อเห็นอาการของ ด.ช.พรชัย หรือน้องตะวัน ก็รู้สึกสงสาร และเชื่อว่ายังสามารถรักษาอาการป่วยทางวิทยาศาสตร์ได้ เพียงแต่ตอนนี้ต้องเยียวยาด้านจิตใจของเด็กให้พ้นจากวิบากกรรมที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร หรือสิ่งที่มองไม่เห็นตามความเชื่อ และหลักทางพระพุทธศาสนาก่อน เมื่ออาการดีขึ้นกว่านี้แล้วจึงค่อยนำน้องตะวัน ไปรักษาตัวต่อไป
ส่วนความช่วยเหลือนั้นทางสำนักฯ ก็ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ใจบุญอยากจะช่วยก็สามารถช่วยเหลือได้ด้วยการบริจาคเงินเข้าบัญชี นายวันชัย ธรรมสวัสดิ์ เลขที่ 279–1248272 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาราชบุรี หรือนางลัดดา มารดาของเด็กโทรศัพท์ 08-9413-8165
วันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหนูน้อยวัย 9 ขวบ ที่จู่ๆ เป็นลมชักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ไม่ดีขึ้น โดยแพทย์บอกว่า เป็นโรคสมัยใหม่ไม่มีทางรักษา นอกจากให้ยามากินที่บ้าน จนหนูน้อยตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ร่างกายอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อและแม่ได้นำตัวมาให้พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี เลขที่ 149 ม.2 ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ดูแลทำพิธีนอนในโลงศพเพื่อเยียวยาด้านจิตใจตามความเชื่ออยู่ภายในศาลาที่พักสงฆ์พรหมรังศรี เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่เข้าไปทำบุญอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณศาลาที่พักสงฆ์พรหมรังศรี พบร่าง ด.ช.พรชัย ธรรมสวัสดิ์ หรือน้องตะวัน อายุ 9 ขวบ 11 เดือน สวมเสื้อยืด ใส่ผ้าอ้อมเด็ก นั่งสายตาเหม่อลอย พูดจาเพ้อพร้อมร้องไห้เป็นระยะ โดยมี นางลัดดา โชติวิเชียร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/74 ม.4 ต.พงสวาย อ.เมืองราชบุรี ผู้เป็นแม่ และนายวันชัย ธรรมสวัสดิ์ อายุ 50 ปี ผู้เป็นพ่อคอยประคองร่างดูแลอยู่ไม่ห่าง เนื่องจากน้องตะวัน ร่างกายอ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
นางลัดดา โชติวิเชียร แม่ของน้องตะวัน เผยทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนมีลูกชายคนเดียวคือ ด.ช.พรชัย ตอนเกิดมาก็เป็นเด็กปกติไม่ได้มีอาการป่วยใดๆ เป็นเด็กน่ารักฉลาด พูดเก่ง กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนวัดอัมรินทราราม หรือวัดตาล ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ลูกชายได้ไปตัดผมที่ร้านแถวบ้านขณะที่กำลังนั่งรอก็เกิดอาการชักเกร็ง ตนจึงได้นำลูกส่งโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี โดยต้องเข้าห้องไอซียูนอนรักษาตัวอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ พอฟื้นขึ้นมาก็จำใครไม่ได้ ตาก็มองไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยินเสียง ร่างกายก็อ่อนแรง เดินหรือยืนเองไม่ค่อยได้
แพทย์ตรวจแล้วบอกว่า ลูกชายป่วยเป็นโรคสมัยใหม่ ไม่มีทางรักษา ให้เพียงยากลับมากินรักษาตัวที่บ้าน ต่อมาแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ได้ส่งตัวลูกชายของตนไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่แพทย์ก็เพียงตรวจแล้วลงความเห็นว่า ลูกชายสมองฝ่อแล้วให้กลับยามากิน ตนต้องเดินทางไปรับยามาให้ลูกชายกินทุกเดือนอาการของลูกชายก็ยังไม่ดีขึ้น ตนและนายวันชัย ผู้เป็นสามีไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อได้รับการแนะนำจากคนรู้จักว่าให้นำลูกชายมาให้พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี ช่วยรักษาด้วยการนำลูกชายนอนในโลงศพเข้าพิธีสวดมนต์ตามความเชื่อ ปรากฏว่า ลูกชายมีอาการดีขึ้น และสงบลง แม้จะยังมองไม่เห็น หรือได้ยินเสียงก็ตาม
นางลัดดา มารดาของ ด.ช.พรชัย หรือน้องตะวัน กล่าวต่ออีกว่า ตนมีอาชีพเป็นแม่บ้านมีรายได้เพียงเดือนละกว่า 3,000 บาท พอลูกชายล้มป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย ตนจึงต้องลาออกมาอาศัยอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้เพื่อคอยดูแลลูก ไม่มีรายได้อะไร ต้องหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ครั้งละกว่า 1,000 บาท จนกระทั่งไม่มีเงินแล้ว
ขณะที่ นายวัยชัย ผู้เป็นสามีก็มาตกงานเนื่องจากหมดสัญญาจ้าง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยิ่งลำบาก เพราะตน 2 คนก็ฐานะยากจน ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องพากันออกจากบ้านมาอาศัยอยู่ที่พักสงฆ์ โดยได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ และผู้ที่มาทำบุญที่วัดคอยบริจาคอาหาร และเงินค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ ซึ่งตนก็หวังเพียงจะมีผู้ใจบุญช่วยเหลือให้ลูกชายได้รับการดูแลจนหายเป็นปกติ และกลับมาเรียนหนังสือได้เหมือนเดิมเท่านั้น
ทางด้านพระอาจารย์บุญยง อภิลาโส เจ้าสำนักที่พักสงฆ์พรมรังศรี กล่าวว่า เมื่อเห็นอาการของ ด.ช.พรชัย หรือน้องตะวัน ก็รู้สึกสงสาร และเชื่อว่ายังสามารถรักษาอาการป่วยทางวิทยาศาสตร์ได้ เพียงแต่ตอนนี้ต้องเยียวยาด้านจิตใจของเด็กให้พ้นจากวิบากกรรมที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร หรือสิ่งที่มองไม่เห็นตามความเชื่อ และหลักทางพระพุทธศาสนาก่อน เมื่ออาการดีขึ้นกว่านี้แล้วจึงค่อยนำน้องตะวัน ไปรักษาตัวต่อไป
ส่วนความช่วยเหลือนั้นทางสำนักฯ ก็ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ใจบุญอยากจะช่วยก็สามารถช่วยเหลือได้ด้วยการบริจาคเงินเข้าบัญชี นายวันชัย ธรรมสวัสดิ์ เลขที่ 279–1248272 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาราชบุรี หรือนางลัดดา มารดาของเด็กโทรศัพท์ 08-9413-8165