อุทัยธานี - เจ้าหน้าที่อนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ เดินเท้าลาดตระเวนป่ากันชน “ห้วยขาแข้ง” เกิดสะดุดกับดักปืนผูกใช้ล่าสัตว์พรานป่า จนลั่นใส่ขาซ้ายแตกอาการสาหัส
วันนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์เวรโรงพยาบาลอุทัยธานีได้รับตัวนายเฉลิมวุฒิ ศรียภูมิ อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่อนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เข้าทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เมื่อเวลา 22.30 น.ที่ผ่านมา เมื่อได้รับการส่งต่อการรักษามาจากโรงพยาบาลลานสัก
หลังนายเฉลิมวุฒิเดินไปสะดุดเถาวัลย์สายผูกปืนล่าสัตว์ของพรานป่าที่ดักล่าสัตว์ป่าเอาไว้จนลั่นใส่ขาข้างขวาบริเวณหน้าแข้ง จนกระดูกแตกหลายเสี่ยงอาการบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงกับชีวิต แต่การรักษาต้องใช้เวลานาน ซึ่งแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูกต้องผ่าตัดทำการรักษาจัดเรียงดูก-ดามด้วยเหล็ก เพื่อให้กลับมาปกติอย่างเดิมให้มากที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือน
จากการสอบถามนายเฉลิมวุฒิ ศรียภูมิ เจ้าหน้าที่อนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการวางแผนการลาดตระเวนป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่ากับชุดลาดตระเวนรวมจำนวน 5 นาย หลังมีการรับแจ้งจากสายข่าวว่า คืนวันที่ 9 ส.ค.จะมีพรานป่าและนักล่าสัตว์เข้ามาล่าสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่บริเวณป่ากันชน บ้านบึงเจริญ หมู่ที่ 10 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินเท้าออกจากหน่วยตั้งแต่เวลา 17.00 น. กระทั่งเวลา 2 ทุ่มเศษ ขณะเดินเท้าลาดตระเวนเป็นแถวตอนอยู่ ซึ่งตนอยู่เป็นคนที่ 2 เดินไปสะดุดเถาวัลย์ ซึ่งคาดว่าเป็นเถาวัลย์ที่ใช้ผูกกับปืนดักล่าสัตว์จนปืนล่าสัตว์เกิดลั่นใส่ กระสุนเข้าที่ขาข้างซ้ายบริเวนหน้าแข้งจนบาดเจ็บสาหัสเดินต่อไปไม่ได้
เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่เดินไปด้วยกันจึงวิทยุขอความช่วยเหลือไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแห้ง เพื่อจะนำตัวออกไปจากป่าเพื่อส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลลานสักต่อไป
เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นแล้ว โดยเฉพาะการใช้อาวุธปืนผูกดักล่าสัตว์ป่าซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างมาก เสี่ยงต่อการสูญเสียสัตว์ใหญ่ โดยเฉพาะเสือโคร่ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตกับคนที่อาจจะไปโดนกับดักได้ ฝากขอร้องให้พรานป่าและนักล่าสัตว์ให้หยุดการล่าสัตว์ป่าเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียใดๆ ขึ้นอีก
ส่วนทางการสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นผู้ใช้ปืนผูกล่าสัตว์ป่าจนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในครั้งนี้ได้รับแจ้งว่า พนักงานสอบสวนจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป