นครพนม - “พล.ต.อ.วุฒิ” รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์อาเซียน ลงพื้นที่ด่าน ตม.นครพนมตรวจระบบสแกนบาร์โค้ดก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน มุ่งใช้ป้องกันอาชญากรรม การโจรกรรมรถข้ามชาติ และบุคคลตามหมายจับ
วันนี้ (29 ก.ค. 58) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) หลัง จ.นครพนมเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ รองรับการค้าการลงทุนและการคมนาคมขนส่งไปสู่ลาว เวียดนาม และจีน
พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เหลือเวลาประมาณ 100 วันก็จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในฐานะตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์อาเซียน จึงเดินทางมาดูจุดยุทธศาสตร์และด่านชายแดนที่สำคัญๆ โดยเฉพาะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ซึ่งมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านคือลาว ไปสู่เวียดนาม และประเทศจีน
รัฐบาลได้กำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ จ.นครพนม การเดินทางคมนาคมขนส่งจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ในด้านการค้า การลงทุน และรองรับด้านการท่องเที่ยว จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้รองรับ โดยเฉพาะคนต่างด้าวที่จะเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ บางรายมีหมายจับและหลบหนีเข้ามาตามด่านต่างๆ จึงทุ่มงบประมาณติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบบาร์โค้ด ตรวจตรายานพาหนะ และบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้าออกด่านแห่งนี้อย่างเข้มงวด
พล.ต.อ.วุฒิกล่าวต่อว่า ระบบบาร์โค้ดที่ใช้จะป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยยานพาหนะที่เดินทางเข้าออกสะพานแห่งนี้ต้องทำบันทึกประวัติภาพถ่าย หมายเลขเครื่องยนต์ ตัวถัง ผู้ครอบครอง เจ้าของรถ ลงในระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะได้รับรหัสสติกเกอร์บาร์โค้ด เช่นเดียวกับบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้าออก มีพาสปอร์ตและหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ก็จะได้รับสติกเกอร์บันทึกข้อมูลภาพถ่าย ลายนิ้วมือ ชื่อ ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด
ต่อไประบบบาร์โค้ดจะสามารถสั่งพิมพ์แบบ ตม.2, 3, 4 ได้อย่างรวดเร็วและรู้ด้วยว่าเข้าออกช่วงไหน เวลาใด กล้อง CCTV จะเชื่อมโยงไปที่ บก.ตม.4 ที่ จ.นครราชสีมา บันทึกประวัติประมวลผลกลับมาเพื่อป้องกันอาชญากรรม การโจรกรรมรถข้ามชาติ และบุคคลตามหมายจับ หลังทดลองใช้ที่ด่านแห่งนี้มานาน 1 เดือน ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ