ศูนย์ข่าวศรีราชา - หนุ่มกระทิงดุนอนจมกองเลือดเสียชีวิตคาห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ย่านพัทยากลาง จนท.คาดเบื้องต้นเมาสุราลื่นหัวฟาดพื้น ส่งศพตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดที่สถานบันนิติเวชอีกครั้ง
เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.หญิง ช่อผกา พฤกษชาติ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติเสียชีวิตภายในห้องพักหมายเลข 202 ชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง บริเวณซอย 16 พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปรีชา หนูสลุง สว.สส.สภ.เมืองพัทยา กำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุพบศพ MR.GALLARDO GARCIA อายุ 53 ปี สัญชาติสเปน เสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำ สภาพเปลือยกายนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด บริเวณคิ้วขวามีรอยถูกกระแทกจนแตกเป็นแผลฉกรรจ์ โดยคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง จากการตรวจสอบภายในห้องพักไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบเพียงขวดเบียร์ยี่ห้อดัง จำนวน 5-6 ขวด วางอยู่บริเวณหลังห้องพักดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
สอบถาม น.ส.ชุตินันท์ ธรรมบุตร อายุ 47 ปี ภรรยาผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการร้องไห้เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวว่า ตนเองกับผู้ตายได้คบหามานานกว่า 11 ปีแล้ว โดยมีลูกสาว อายุ 7 ปี ด้วยกัน 1 คน แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยก่อนหน้านี้ ตนและผู้ตายได้แยกกันอยู่ เนื่องจากเวลาที่ผู้ตายเมาสุราแล้วมักจะมีปากเสียงกันตลอด แต่ก็ยังโทรศัพท์หากันอยู่ประจำ จนกระทั่งวันเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อมาเหมือนก่อน ด้วยความสงสัยจึงเดินทางมาดูที่ห้องพัก
ทั้งนี้ จากการเคาะประตูเรียกผู้ตายอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ โดยห้องพักถูกล็อกจากด้านใน จึงประสานให้พนักงานอพาร์ตเมนต์ให้นำกุญแจสำรองเปิด เมื่อประตูพบว่ามีเก้าอี้ จำนวน 2 ตัว ถูกวางขวางประตูเอาไว้อยู่ และเมื่อเข้าตรวจสอบในห้องน้ำพบว่าผู้ตายนอนตายกลายเป็นศพแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจตรวจสอบดังกล่าว
ภายหลังสอบสวน และตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ได้สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะดื่มสุราจนเมามายก่อนจะเข้าไปทำภารกิจในห้องน้ำ จากนั้นเกิดลื่นล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา นำร่างผู้ตายไปส่งตรวจหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดยังโรงพยาบาลตำรวจ หรือสถานบันนิติเวชต่อไป